Exclusive Interview – 12 Years of Missing Smile

Written by  
28.02.18 407 views

  ความจริง นภ พรชำนิ เป็นหนึ่งในศิลปินที่ไม่เคยหายหน้าไปจากวงการเพลงนานนัก ทุก 2-3 ปีมักมีผลงานใหม่ๆ ปล่อยออกมาให้ฟังกันอยู่เสมอ เพียงแต่ทุกเพลงในช่วง 23 ปีที่ผ่านมาของการยึดอาชีพศิลปิน ถ้าไม่เป็นผลงานของวง P.O.P ก็มักเป็นโปรเจ็กต์พิเศษของคนอื่นที่เข้าไปร่วมแจมเป็นวาระเท่านั้น 

ขณะที่ผลงานส่วนตัวของเขากลับมีแค่ A Man of Smiles อัลบั้มเดี่ยวอัลบั้มแรก ที่ปล่อยออกมาเมื่อปี 2548 ก่อนย้ายไปใช้ชีวิตคู่กับภรรยาที่สหรัฐอเมริกา กระทั่งวันเวลาผ่านมา 12 ปี เขาจึงได้เริ่มทำงานเพลงส่วนตัวอีกครั้งร่วมกับวง The Groovetomatix 11 พร้อมปล่อยเพลงแจ๊สเศร้าลึกอย่าง ‘หมุนตามเธอไป’ ออกมาให้ฟังกันไปแล้ว


ทำไมถึงเว้นช่วงการทำผลงานเดี่ยวของตัวเองนานถึง 12 ปี

  “ตอนนั้นเป็นช่วงที่เพิ่งทำอัลบั้ม A Man of Smiles จบไปได้สักพัก ก็เริ่มมีปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองเกิดขึ้น บรรยากาศช่วงนั้นเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ทำให้ผมรู้สึกไม่พร้อมกับการทำงานเพลงส่วนตัว ไม่มีอารมณ์สื่อสารเรื่องราวของตัวเอง ไม่มีแรงบันดาลใจ เพราะผมเฟกไม่เป็น ต่างจากการทำเพลงในชื่อ P.O.P ที่มาจากคน 5 คน มี บอย-นภ พี่บอย (โกสิยพงษ์) เป็นตัวหลักในการเล่าเรื่อง ไม่ได้เล่าผ่านตัวเราเองแค่คนเดียว เพราะปัญหาที่ไม่เกี่ยวข้องกับเพลงนี่แหละที่ทำให้นิ่งไป 12 ปี และก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ผมย้ายไปอยู่เมืองนอกด้วยนะ เพราะส่วนตัวไม่ชอบเรื่องแบบนี้ ผมเลยคิดว่างั้นเราออกมาดีกว่า แต่พอระยะหลังบ้านเมืองเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น คนมีรอยยิ้มให้กัน ผมจึงค่อยๆ มีแรงบันดาลใจกลับมาเขียนเพลงอีกครั้งหนึ่ง”

รู้สึกเหมือนเปลี่ยนบรรยากาศแล้ว แต่ก็อารมณ์ในการเขียนเพลงก็ยังอิงสถานการณ์ในประเทศอยู่ดี

  “ตอนอยู่ที่สหรัฐฯ ถือเป็นช่วงเยียวยาอารมณ์ความรู้สึกตัวเองเลยครับ แล้วก็ถือเป็นการพักผ่อน รีชาร์จตัวเองไปในตัว นอกจากนั้นก็เป็นช่วงเวลาสะสมองค์ประกอบทางดนตรีใหม่ๆ ด้วย เพียงแต่ผมไม่รีบปล่อยสิ่งเหล่านั้นออกมา แต่อยากจะเก็บไว้ให้เต็มจนล้นก่อน จากนั้นถึงค่อยเริ่มเขียนงานเพลงชิ้นใหม่ ผมคิดว่าถ้าไม่ทำแบบนั้น คงไม่มีทางทำเพลงในแบบทุกวันนี้ได้แน่ๆ อีกอย่างที่รู้สึกว่าผมหายไปนาน อาจก็เป็นเพราะผมค่อนข้างเก็บตัวเองด้วย เพราะรู้สึกว่าคนในแวดวงนี้มีอยู่เยอะแล้ว ให้ไปโฟกัสคนอื่นดีกว่า เอาไว้เมื่อไหร่ผมมีงานแล้วค่อยกลับมาสนใจกันอีกทีดีกว่า”

สมมติว่าถ้าเกิดความขัดแย้งขึ้นแบบเมื่อ 12 ปีก่อนอีก ยังจะทำซ้ำแบบเดิมไหม

“ถ้าเกิดขึ้นอีกก็คงจะเบรกตัวเองอีกรอบแน่นอนครับ ถ้ามีอะไรเข้ามากระทบจิตใจมากๆ ผมไม่สามารถทำงานต่อไปได้จริงๆ ผมไม่สามารถเฟกหน้ายิ้มและเขียนเพลงขึ้นมาได้ แต่ถ้าให้ผมไปร้องเพลงหรือเขียนเพลงให้เกิดความกลมเกลียวกันแบบนั้นโอเค เพราะผมคิดว่าเพลงควรจะเป็นอะไรที่เกื้อหนุนหัวใจคน ถ้าไปร้องเพลงที่สร้างความขัดแย้งหรือโจมตีฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ผมไม่ทำแน่นอน ถึงผมจะรู้ว่าตัวเองชอบหรือไม่ชอบอะไร อาจจะมีความเชื่อทางการเมืองต่างจากกับคนฟังเพลง แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นของการทำเพลงของผม”

ทำไมกลับมาครั้งนี้ถึงเลือกนำเสนอด้วยดนตรีแจ๊ส

  “สาเหตุน่าจะเป็นเพราะเราไปอยู่สหรัฐฯ ทำให้มี input ของดนตรีแนวนี้เข้ามาอยู่หัวเราเยอะมาก เพราะเพลงแจ๊สสำหรับที่โน่นมีให้ฟังแทบทุกที่ เหมือนเขาเปิดฟังเพลงแจ๊สกันเป็นเรื่องปกติ ประกอบกับเมื่อก่อนผมร้องแค่แนวป๊อป ร็อก อาร์แอนด์บี มาเกือบ 15 ปี ไม่ค่อยมีเพลงแจ๊สเป็นส่วนประกอบมากเท่าไหร่ พอได้มาซึมซับบรรยากาศแจ๊สมากเข้าๆ ผมก็เริ่มรู้สึกสนใจเพลงแจ๊สและคิดว่าดนตรีแนวนี้น่าจะเข้ามาเติมเต็มการทำงานของเราได้ เพราะส่วนตัวผมผมก็พยายามเปลี่ยน composition ของตัวเองใหม่ให้ต่างไปจากเดิม ด้วยการเอาแจ๊สมาผสมกับป๊อปให้เพลงมีความกระฉับกระเฉงมากขึ้น”

การรวบรวมสมาชิกวง Nop Ponchamni & The Groovetomatix 11 มีที่มาอย่ง

  “ความตั้งใจส่วนตัวผมคือจะไม่ใช้สมาชิกวง P.O.P มาเล่นให้งานเดี่ยวของตัวเอง และจะไม่ขายแข่งกันกับเพื่อน ผมจึงเริ่มจากการไปชวนมด (ภูดินันท์ ดีสวัสดิ์มงคล) มาช่วยเล่นเปียโนให้เป็นคนแรกเลยครับ จากนั้นก็ได้ตัวโอเปค (ธีรเดช หุนสนอง) มาเล่นกีตาร์ ได้บ๊อบ (วีระวงศ์ วรรณวิจิตร) มาเล่นเบส ได้อาจารย์เจี๊ยบ (จีรวัฒน์ แสงอนันต์) มาตีกลองให้ ตอนนั้นมีสมาชิกวงแค่นี้ก็ใช้ชื่อวงว่า The Groovetomatix แล้วก็ตะเวนเล่นตามงานการกุศลเป็นการฝึกตัวเองและบอกแฟนเพลงว่าพี่นภกลับมาแล้ว จากนั้นก็ได้ ชิ (จิรธิติกานต์ เหมสุวรรณ์) มาเล่นทรัมโบน อั๋น (พีรพัฒน์ บัวนิลเจริญ) มาเล่นทรัมเปต และเป้ (ณัฐพล เฟื่องอักษร) มาเล่นเทเนอร์แซกโซโฟน เราเลยเปลี่ยนชื่อวงเป็น The Groovetomatix 7 แต่ตอนนั้นคิดว่าน่าจะมีสมาชิกเพิ่มอีกเพื่อให้มีความสดใหม่มากขึ้น จึงได้เก่ง (รณชัย นุชจิระสุวรรณ) มาเป่าอัลโตแซกโซโฟน อาจารย์มิล์ค (อรรณวิน เกิดที่สุด) มาเป่าอัลโตแซกโซโฟนอีกคน แล้วก็เชิญอาจารย์ป้อ (สิริวุฒิ โมพิมาย) มาเป่าทรัมเป็ต และได้แอมป์ (ณัฐวุฒิ ลี้กุล) มาตีเพอร์คัสชั่น กลายเป็นวง The Groovetomatix 11” 

การเปลี่ยนมาเล่นแจ๊สแบบนี้ มีเสียงสะท้อนจากแฟนๆ บ้างไหมว่าฟังยากไป

  “แต่เราก็ไม่ได้เล่นแจ๊สแบบจัดเต็ม เพราะยังพยายามให้มีส่วนผสมของความเป็นป๊อปเอาไว้ เนื่องจากกลุ่มคนฟังของผมเป็นคนฟังเพลงธรรมดา แต่ที่มั่นใจมากเลยคือการแสดงโชว์ของเราจะสนุกขึ้น ไม่น่าเบื่อ เพราะการเล่นของเรามีความอิสระมาก เล่นกันแบบฟรีฟอร์มพอสมควร แน่นอนว่าบางท่อนอาจไม่ใช่จังหวะที่คุ้นหูคนฟังมากนัก แต่ด้วยความที่เราเอาเพลงป๊อบที่คุ้นหูกันดีอยู่มาแล้วคัฟเวอร์ในสไตล์แจ๊ส ก็ช่วยให้คนดูอยู่กับเพลงได้ตั้งแต่ต้นจนจบโชว์เลยนะครับ เพราะเขาจะรู้สึกลุ้นกับเราว่าจะสามารถพาเพลงป๊อปไปได้ไกลแค่ในสไตล์แจ๊ส ตรงนี้ที่แหละที่จะทำให้คนดูรู้สึกว้าวไปกับโชว์ของเราที่ไม่ยึดติดอยู่กับกรอบ”

แสดงว่าคาแร็กเตอร์บนเวทีต้องเปลี่ยนไปจากเมื่อ 12 ปีก่อนด้วยสิ

  “เปลี่ยนไปตามคอนเซ็ปต์ของแต่ละโปรเจ็กต์มากกว่าครับ อย่างตอนเป็นนักร้องนำให้ P.O.P ผมก็ดูไม่ได้สนุกมากนัก บางครั้งอาจจะดูแข็งๆ ด้วยซ้ำไป ส่วนเวลาเป็นบอย-นภ อาจจะมีความขี้เล่นเพิ่มขึ้นมาหน่อย เพราะเวลาอยู่ด้วยกันก็เหมือนกับพี่น้องมาสนุกกัน แต่เนื้อหาของเพลงจะจริงจังและซีเรียสมากขึ้น ส่วนคาแรกเตอร์เวลาอยู่กับ The Groovetomatix 11 ก็จะสนุกและขี้เล่นมากขึ้นมาอีกหน่อย แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดนอกจากคาแร็กเตอร์บนเวที ผมคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องการร้องเพลงที่ดีขึ้นกว่าสมัยหนุ่มๆ มาก อาจจะเป็นเพราะเราอยู่กับเพลงมานาน เวลาร้องเลยจะรู้ว่าเวลาพลิกแพลงไปอีกแนวเพลงหนึ่ง ต้องทำยังไงถึงจะช่วยให้เพลงไพเราะที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

ถามตรงๆ เลยว่า Nop & The Groovetomatix 11 จะอยู่ไปนานสักเท่าไหร่

  “โอ้ย! ชุดนี้ทำไปตลอดจนวันตายเลยครับ (หัวเราะ) ต่อให้อายุ 60 ปีก็ยังคิดว่าน่าจะยังร้องเพลงกับวงนี้ต่อไป แต่ในอนาคตวงอาจจะมีมากกว่านี้ก็ได้นะ เป็นบิ๊กแบนด์จริงๆ ไปเลย (ยิ้ม) คอนเสิร์ตใหญ่ในปีนี้กับอัลบั้มที่เตรียมปล่อยปีหน้าเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น หลังจากนี้มีแผนเตรียมเอาเพลงของคนอื่นมาคัฟเวอร์อีกเยอะแยะเลย แล้วก็นอกจากเรื่องดนตรีของตัวเองแล้ว ผมยังตั้งใจจะทำออกมาเป็นชีตโน้ตของแต่ละเพลง เพื่อให้นักศึกษาหรือคนที่สนใจดาวน์โหลดเอาไปหัดเล่น เพื่อเป็นการพัฒนาฝีมือของตัวเองขึ้นมาจากโน้ตของเราด้วย หลังจากนี้น่าจะได้เห็นอะไรอีกเยอะเลย”

ถือเป็นวงในฝันที่ตามหามานานเลยไหม

“ใช่เลยครับ (หัวเราะ) นี่เป็นวงในฝันเลยครับ ผมอยากทำวงที่มีองค์ประกอบแบบนี้มานานแล้ว ตอนนี้เกือบมีอาวุธครบมือแล้ว ถ้าในอนาคตมีสมาชิกเพิ่มเป็น 15-17 คนได้จะยิ่งดีเลย แต่ว่าตอนนี้ก็ค่อยๆ บิวต์คนฟังกันไปก่อนว่านภกลับมาในสไตล์ใหม่แล้ว (ยิ้ม)”