LOVE WILL TEAR US APART – เต๋อ รัฐนันท์

20.11.18 752 views

ในบางความสัมพันธ์ความรักอาจไม่เพียงพอ และไม่อาจต่อลมหายใจของคู่รักได้ เหมือน ‘แอ้ม’ และ ‘เคเบิ้ล’ จาก Friend Zone เอา ให้ ชัด คู่รักตั้งแต่วัยเรียนที่ดูเหมือนทุกอย่างจะไปกันได้ดี แต่แล้วเมื่อใช้ชีวิตการทำงาน ความรักอาจไม่ได้หมายถึงโลกนี้ที่มีเพียง 2 เรา ความสัมพันธ์ที่ดีต้องการหลายอย่างประกอบสร้าง นั่นเองที่ทำให้ความรักของคู่นี้เริ่มเต็มไปด้วยปัญหาจจนยากจะเยียวยา พบเต๋อ-รัฐนันท์ จรรยาจิรวงศ์ ในบทเคบิ้ล ผู้ชายใต้นิยามคำว่า ‘ไอ้ขี้แพ้’ ที่ทำความสัมพันธ์ต้องจบลงแม้ความรักยังอยู่  

พี่โจ้ Trasher ส่งบทนี้มาให้อ่าน เขาบอกว่ามันเป็นบทที่ดี แต่จะมีความเป็นลูเซอร์ ซึ่งตัวเราไม่ซีเรียสเรื่องการรับบทว่าจะต้องเป็นคนดี คนไม่ดี หรือต้องเป็นตัวเด่น ผมว่าขอเป็นคาแร็กเตอร์ที่น่าสนใจน่าแสดงก็พอ จะเป็นปลาสลิด เป็นไส้เดือนก็ได้ (ยิ้ม) เป็นอะไรที่ไม่เคยทำมันน่าสนใจหมด จริงๆ การที่เราได้เป็นนักแสดง และได้บทอะไรที่แตกต่างออกไปหลากหลาย มันคือสิทธิพิเศษที่ทำให้คุณได้เป็นอะไรก็ได้”

 

ไม่ว่าจะบทไหน แต่คนยังคงเรียกคุณว่าเต๋อ ไดอารี่ตุ๊ดซี่ส์ เรียกได้ว่าเป็นบทแจ้งเกิดใช่ไหม

ก็คง…หลอกคนได้มั้ง หลอกคนได้ว่าเราเป็นคาแร็กเตอร์นั้นจริง (ตอบอีกทีได้ไหมว่าเป็นชายแท้หรือเปล่า) ไม่ได้เป็นจ้า ไม่ต้องสงสัยเลยจ้ะ เป็นชายแท้แน่นอน (ยิ้ม) 

ความจริงเราเข้าวงการมาสักพักแล้ว จริงๆ ไม่เคยอยากเป็นนักแสดงมาก่อน แต่พอเริ่มโต ก็เริ่มรู้ว่าอยากเป็นผู้กำกับ อยากเป็นนู่นนี่ที่เกี่ยวกับการทำหนัง เพราะชอบดูหนังมากเลย ชอบอ่านหนังสือด้วย ก็เคยอยากเป็นนักเขียน อยากเป็นจิตกรเพราะชอบวาดรูป จนวันหนึ่งมีโอกาสได้เป็นพิธีกร เราก็รีบคว้าเพราะคิดว่าน่าจทำให้เราได้เป็นผู้กำกับหนังเข้าสักวัน ผ่านไปสิบปีจึงรู้ว่าความคิดนี้มันผิด…คือไม่ผิดซะทีเดียว มันแค่ไม่ได้เป็นผู้กำกับ แต่มันกลายเป็นนักแสดงแทน ซึ่งอีกหนึ่งงานที่ช่วยเติมเต็มความชอบดูหนังของเราคือการได้เป็นพิธีกรรายการ Entertainment Now ช่อง Mono29 ซึ่งเป็นรายการเกี่ยวกับหนัง 

เริ่มงานในวงการบันเทิงด้วยการเป็นพิธีกร เพราะเป็นคนพูดเก่งใช่มั้ย

ไม่เก่ง มั่ว เป็นคนพูดไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ เราขายความบ้า 

ซึ่งต้องอาศัยหน้าตาหล่อด้วย ถูกไหม

หน้าตาไม่ดีเลย คิดว่ามีลูกบ้าเอาตัวรอดได้ เลยมีคนจ้างไปเป็นพิธีกร แต่ก็ทำให้เราได้เรียนรู้ตลอดเวลา ทำให้รู้ว่าการใช้เสียงพูดแบบไหนทำให้คนฟังหันมาสนใจ งานแบบไหนที่สามารถแหกปากได้ บางงานก็ต้องพูดด้วยน้ำเสียงอีกแบบก็เพียงพอแล้ว มันก็คือการเรียนรู้กันไป 

ดูแลตัวเองมากแค่ไหน 

ก็ดูแลทำนู่นทำนี่ตามวัย (แอนตี้ไหม) ไม่แอนตี้ จะแอนตี้ทำไม (เรื่องศัลยกรรมด้วยไหม) ไม่แอนตี้นะ เราก็ทำจมูกมา ไม่เคยปฏิเสธ จำเป็นต้องทำไหม เราว่าเป็นเรื่องของแต่ละบุคคลแล้ว 

ผู้ชายบางคนไม่ชอบผู้หญิงทำศัลยกรรม คุณรู้สึกอย่างไร 

ยาก ยุคนี้แล้ว พูดแบบนี้มันเหมือนเหมารวมว่าเป็นผู้หญิงแล้วต้องทำ มันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่แนวคิดที่เรามีเรื่องความสวยความงาม โดยเฉพาะผู้หญิงที่ค่อนข้างให้ความสำคัญกับความสวยมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพวกเธอ ใช่ไหม? เพราะฉะนั้นในยุคที่ใครๆ ก็ทำได้ แถมยังมีคุณภาพและความปลอดภัยมากขึ้น ราคาก็ไม่สูงเท่าเมื่อก่อน คนที่อยากสวยทำไมจะไม่ทำล่ะ 

กลับมาที่บทบาทล่าสุดกันอีกครั้ง ช่วยเล่าตัว ‘เคเบิ้ล’ ให้เรารู้จักมากขึ้นได้ไหม 

เราว่าเคเบิ้ลคือคาแร็กเตอร์ของรุ่นพี่ที่เราเห็นได้บ่อยในคณะ ในมหาวิทยาลัย เป็นคนที่เหมือนคนเก่งแต่กลายเป็นคนที่วนเวียนอยู่ในคณะไม่รู้กี่ปี เรียนไม่จบสักที ในเรื่องก็เหมือนกัน เคเบิ้ลเรียนไม่จบ ไม่ยอมส่งทีสิสส่งอาจารย์ เป็นแบบพวกขี้แพ้ เป็นอันเดอร์ด็อก ทั้งที่แฟนตัวเอง (แอ้ม) เรียนจบและมีงานทำไปแล้ว ตัวเองยังไปๆ มาๆ อยู่ในมหาวิทยาลัย พยายามหาเงินด้วยการเปิดร้านเหล้ากับเพื่อน เราว่าเบิ้ลคือคนที่พยายามทำให้ตัวเองอยู่แต่ในเซฟโซน เหมือนจะพยายามพาตัวเองเดินไปในจุดที่ดีกว่า แต่ก็ยังมีความคิดแบบเด็ก 

คุณบอกว่าตัวละครมีความเก่ง ไม่ย้อนแย้งกับความเป็นคนขี้แพ้ไปหน่อยเหรอ

เราว่าบางคนมีฝีมือนะ อย่างหนังเรื่อง Big Daddy ตัวละครในเรื่องเรียนจบกฎหมายมาแท้ๆ เป็นคนมีความสามารถ แต่ไม่ยอมไปทำงาน แล้วใช้ชีวิตแบบคนลูเซอร์ไปวันๆ มันก็คล้ายๆ กับที่เคเบิ้ลเป็น 

  ความสัมพันธ์ของเคเบิ้ลก็มีความลูเซอร์ไปด้วย แฟนอายุน้อยกว่า มีงานการทำเป็นเรื่องเป็นราว มีเงินเก็บด้วยกันจะสร้างอนาคต แต่เราก็เอาเงินไปทำร้านเหล้า เพราะหวังว่าจะรวยได้ เริ่มมีปัญหาในความสัมพันธ์ของคู่เรา เงินเก็บของทั้งคู่ถูกเราเอาไปใช้ แล้วปัญหาอื่นๆ ก็เริ่มตามมา (ดูเหมือนผู้หญิงหาเงินเก่งกว่าใช่ไหม) อื้ม ใช่ 

 

รู้สึกอย่างไรในปัญหาทำนองนี้ ในชีวิตจริงจำเป็นไหมว่าผู้ชายเกิดมาเพื่อซัพพอร์ตผู้หญิง 

มันพูดยากนะ เราว่ามันคือความกระอักกระอ่วนในชีวิต เราเชื่อว่าผู้ชายทุกคนก็เป็นแหละ (ใช้คำว่าเกาะผู้หญิงได้ไหม) หาเงินได้น้อยกว่า แต่ไม่ถึงขั้นว่าเกาะผู้หญิงกิน เช่าห้องด้วยกันเราก็ช่วยออกเงิน แค่เราหาเงินได้น้อยกว่า ส่วนเรื่องผู้ชายต้องซัพพอร์ตไหม เราว่าถ้าเป็นเมื่อก่อนในแง่บริบททางสังคมสิ่งที่เขาสอนๆ กันมาก็เป็นอะไรแบบนั้นแหละ แต่ยิ่งโต และโลกความจริงไม่ว่าวันนี้ หรือเมื่อ 5 ปีที่แล้ว มีคนอยู่หลายรูปแบบมาก มีคนที่อยู่โดยให้ผู้หญิงเลี้ยงและก็แฮปปี้ดี บางคนมีอะไรกับผู้หญิงอายุมากกว่า เอาเงินเขามาใช้ก็แฮปปี้กับชีวิตแบบนั้น ไอ้แนวความคิดที่ว่าผู้ชายต้องเป็นช้างเท้าหน้า หาเงินมาจุนเจือครอบครัว เราว่าแม่งตลก

  (คุณเคยเจอเหตุการณ์นี้ไหม) เราชอบเวลาที่ตัวเองหาเงินได้ หรือมีรายได้ที่ค่อนข้างมั่นคงในชีวิต เราต้องการจะบอกว่าเราภูมิใจที่พาตัวเองไปอยูในจุดที่ไม่ต้องพึ่งพาใครได้ มากกว่าหาเงินมาดูแลลูกเมีย อุ้ย ยังไม่มีเมีย (ยิ้ม) แต่ถ้าวันหนึ่งมีขึ้นมา เราว่า…ลูก เมียก็คือคนที่เรารัก ซึ่งเราก็ไม่อยากให้คนที่เรารักลำบาก

ในส่วนของคู่อื่นๆ ในเรื่อง คุณรู้สึกว่าคู่ไหนที่คุณรับไม่ได้มากที่สุด 

ในแง่ของนักแสดง จริงๆ เราอ่านแต่พาร์ตของตัวเองเป็นหลัก อืม…น่าจะเป็นพาร์ตของเอิร์ธ แซม และสตั๊ด สามคนนี้พังไปนิดนึงว่ะ เพื่อนกันก็เอา! เราก็เข้าใจความเป็นมนุษย์นะว่าเราเกิดและถูกออกแบบมายังไง ฮอร์โมนเพศเวลาทำงานแล้วเป็นยังไง แต่เรื่องนี้มันก็ล้ำเส้นไปว่ะสำหรับเรา 

ที่บอกว่าอยู่กับบทตัวเองมาก คุณอินกับ ‘เคเบิ้ล’ มากน้อยแค่ไหน 

ก็อินนะ ทุกวันนี้เรายังเป็นลูเซอร์อยู่เลย ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นวินเนอร์เลย (แต่คุณมีหน้าที่การงาน มีชื่อเสียงคนรู้จัก) แต่ก็ไม่ทำให้เราเป็นผู้ชนะ ไม่รู้ดิ…มันคือการเป็นลูเซอร์ 

เส้นแบ่งอีกฝั่งของการเป็นลูเซอร์ของคุณคืออะไร 

จัดการชีวิตตัวเองได้ เป็นคนที่คนอื่นฝากผีฝากไข้ได้ เรายังรู้สึกว่าเรายังทำตรงนั้นไม่ดี เอ้อ…แต่เดี๋ยวถ้าสร้างบ้านเสร็จอาจจะไม่เป็นลูเซอร์แล้ว ไม่สิ อาจจะกลายเป็น Bankrupt คือล้มละลายแทน ทีนี้หนักกว่าลูเซอร์อีก (หัวเราะ) 

การคิดว่าตัวเองเป็นลูเซอร์เนี่ย คุณมองโลกในแง่ร้ายเกินไปไหม

ไม่รู้สิ เราเกิดในครอบครัวใหญ่ เหมือนถูกเลี้ยงมาด้วยการที่ทุกคนพยายามจะด่าเรา ทุกคนมองว่าเราเป็นหลายที่เรียนหนังสือไม่เก่ง ขี้เกียจตัวเป็นขน ไม่ได้เรื่องเลย ชอบทำแต่เรื่องแปลกๆ แผลงๆ ไม่เหมือนคนอื่นเขา เราก็ติดอยู่กับความคิดเหล่านี้ว่าเฮ้ย เราแม่งโง่ เรียนไม่เก่ง หน้าตาไม่ดี เรามันแบบ…มาตลอด 

ทั้งที่ใครๆ ก็มองว่าคุณเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเองน่ะเหรอ

นี่แหละมนุษย์ มนุษย์ทุกคนมันเป็นอย่างนี้แหละ แต่เราเลือกที่จะบอกหรือไม่บอกคนอื่นเท่านั้น (เคยซึมเศร้าบ้างไหม) ก็มีบ้าง คนอาจจะมองว่าเราตลก แต่เรามีความดาร์กนะ ก็เคยซึมเศร้าจนเข้าโรงพยาบาล…ไปเยี่ยมแม่ ล้อเล่นๆ (ยิ้ม) เคยเข้าโรงพยาบาล ตอนนั้นเรายังเด็ก ทำอะไรไม่คิดเท่าไหร่ 

ทุกวันนี้มันยังไม่หลุดออกจากสิ่งที่ญาติๆ มองคุณเหรอ

ก็หลุดได้นะ แต่ไปโผล่ด้านอื่นแทน 

คุณสร้างรอยยิ้มให้คนอื่นได้ ทำไมไม่สร้างให้ตัวเองบ้างล่ะ 

มันก็มีเวลาที่เราสดใส แต่ก็มีช่วงมืดหม่น มีทั้ง 2 ด้านแหละ ซึ่งเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราบาลานซ์กันอยู่หรือเปล่า 

แล้วความสัมพันธ์หลักของเรื่องอย่าง ‘ความไม่ชัดเจน’ คุณเคยมีบ้างไหม 

มีตลอดเวลา (ทำไมผู้ชายมักไม่ชัดเจน) ไม่รู้ว่ะ ความสัมพันธ์แบบนี้ทำร้ายอีกฝ่ายไหม? ก็ทำร้ายด้วยความรู้สึกนะ แต่เราว่ามันคือความรู้สึกขั้นพื้นฐาน และเราไม่คิดว่ามันเป็นการกั๊ก เพราะเราไม่ได้ให้ฐานะอะไรตั้งแต่แรก แต่เรื่องแบบนี้เราคิดว่ามันเป็นเรื่องของจังหวะเวลาด้วย ในบางช่วงเราเองก็รู้สึกว่าอยากหยุดแล้ว แต่ก็ดันไปเจอแต่อะไรก็ไม่รู้ 

 

ความรักของคุณเป็นอย่างไร 

เราว่ามันคือเรื่องสำคัญ แต่หลังๆ ยิ่งโตยิ่งรู้สึกว่ามันเปลี่ยนไปตามวาระและเวลา ความรู้สึกไม่เหมือนกัน ก็ปฏิบัติไม่เหมือนกัน ซึ่งไม่ได้ว่ามันดีขึ้นหรือแย่ลง (ตอนนี้โสดเหรอ) ไม่โสด เรียกว่าวิญญาณถูกควบคุม เราก็ควบคุมวิญญาณเขาเหมือนกัน 

คุณสนิทกับแม่มาก แบบนี้แม่มีผลต่อการคบแฟนไหม

แม่ไม่มีกฎอะไร แต่แม่บอกว่าอยากให้หาคนที่เอามาแล้ว…ใช้คำว่าเอามา (ยิ้ม) อันนี้คือแม่พูด เขาอยากให้มีแฟนที่ไม่สร้างภาระให้เรา มาแล้วช่วยกันทำมาหากินดีกว่า นอกเหนือจากนั้นจะสูงเตี้ยดำขาวแดงเหลืองม่วงเขียวก็ไม่มีปัญหาอะไร ถ้าเราชอบใครแม่ก็คงชอบด้วย และอีกอย่างแม่ขอแค่ว่าจะทำอะไรก็ป้องกันนะลูก 

คุณดูเปิดกว้างในการพูดเรื่องความสัมพันธ์และเซ็กส์ได้ตลอด ไม่คิดว่าการเป็นดาราไทยจะถูกห้าม หรือต้องรักษาภาพลักษณ์ไหม 

ไม่รู้สิ เราว่ามันเป็นเรื่องวิธีคิดของคนมันไม่ได้ถูกจำกัดแค่ว่ากล้าพูดเรื่องเพศหรือเปล่า แต่ว่าเราเป็นพวกชอบอ่านหนังสือ พูดคุย และพยายามหาเหตุผลให้เรื่องนั้นเรื่องนี้เสมอ เพราะฉะนั้นอะไรที่เรารู้สึกว่าเราทำได้มันก็มีเหตุผลมารองรับแล้วว่าทำไมเราถึงทำ การพูดเรื่องเพศที่สาธารณะเองเราก็คิดว่ามันเป็นก็เป็นเรื่องแล้วแต่บุคคล แต่ที่แน่ๆ เราปฏิเสธมันได้เหรอวะ เพราะมันเป็นฟังก์ชั่นหนึ่งในชีวิต เราถูกออกแบบมาให้เป็นแบบนี้ นอกจากกินชานมไข่มุก โพสต์ภาพเก๋ลงในอินสตาแกรม จริงๆ แล้วฟังก์ชั่นของมนุษย์เรื่องการสืบพันธุ์มันคือฟังก์ชั่นที่อยู่รอบตัวเรา เพราะถ้าเราไม่สืบพันธุ์กัน มันก็เหมือนเวลาหยุดเดิน ไม่มีอะไรสืบต่อไป ถ้ามองมุมนี้จะเกิดคำถามว่าทำไมวะจะรังเกียจทำไม ไม่มีเพศสัมพันธ์สิอันนั้นน่าจะคิดหนัก 

เล่นเลิฟซีนมาไม่น้อย คุณแยกแยะระหว่างเรื่องจริงกับการแสดงได้ไหม

รู้สึกจริงทุกครั้ง มันต้องรู้สึกสิ ไปจูบปากเขา ไม่รู้สึกจะจูบได้ไง ภาพที่ออกมาจะเหมือนจริงได้อย่างไร แต่มันหยุดตัวเองได้ตอนที่ผู้กำกับสั่งคัต เดินไปทำอย่างอื่น คิดเรื่องอื่นก็จบไปแล้ว ถามว่ามันทำได้อย่างนั้นจริงเหรอ หนึ่งคือมันได้ สองคือมันต้องได้ (แล้วเวลาเลิฟซีนกับเพศเดียวกันล่ะ) ไม่ค่อย แต่เราก็เล่นเต็มที่นะ (ไม่ค่อย นี่แสดงว่าเคยมีความรู้สึกเหรอ) รู้สึกนี่คือแข็งอย่างนั้นเหรอ ไม่เคยนะ ถามว่ามีแนวโน้มจะเบี่ยงเบนมั้ย ก็ไม่มีเลยนะ ยังเป็นผู้ชายที่เข้าเว็บฯ โป๊อยู่ (ยิ้ม) 

คุณคิดว่าเรื่องเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องเท่าเทียมกันไหมในผู้หญิงกับผู้ชาย

เมื่อก่อนเคยคิดและรู้สึกว่าความเท่าเทียมเป็นเรื่องที่ดี มันคือมายาคติที่เราโตมาพร้อมกับการบอกว่าถ้าจะดีคือต้องเท่าเทียม ซึ่งมายาคติเหล่านั้นมันเพิ่งถูกคิดออกมาในช่วงไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมานี้เองนะเว้ย จริงๆ แล้วถ้ามองกลับไปในธรรมชาติ ความเท่าเทียมมันคือความโกลาหลนะ ไม่มีมีความเท่าเทียมกันบนโลกนี้แล้วเว้ย 

คุณกำลังจะบอกว่า ณ ตอนนี้ไม่ควรเท่าเทียมกันแล้วเหรอ

มันไม่ใช่ว่าไม่เท่ากันไปแล้ว เพราะมันไม่เคยเท่ากันอยู่แล้วและไม่มีวันจะเท่ากันได้ ต่างคนต่างเวลา ต่างกรรมต่างวาระ เพราะงั้นเราไม่เชื่อเรื่องความเท่าเทียม แต่คือถ้าทำได้มันก็ดี เหมือนในหลายๆ ประเทศเขาพยายามทำให้ประชากรมีความรู้ ความสามารถ ความเท่าเทียมให้เกิดในสังคม แต่ว่ามันจะเป็นอย่างนั้นหมดทั้งจักรวาลก็หมายความว่าคุณต้องเปลี่ยนกฎของจักรวาลใหม่หมดเลย เพราะเราโตมากับแนวคิดว่าเราทำอะไรโดยสัญชาตญาณ เพราะว่าเราอยู่กับมันตลอด เราสร้างชนชั้น เราเหยียดสีผิว เหยียดเพศ คือเอาเป็นว่าในความคิดเรามันไม่เคยมีความเท่าเทียมกัน แต่ทางปฏิบัติแล้วเรามองว่าความเท่าเทียมคือเป็นศีลธรรมอันดี ทำแล้วสบายใจ เราก็ทำนะ 

ความรักในอุดมคติของคุณเป็นอย่างไร

ไอ้ความรักในอุดมคติของทุกคนมันต้องมี แต่เมื่อเวลาที่เราโตมากพอที่จะบอกว่าเรื่องเหล่านี้มันเกิดจากอุดมคติของเรา เราแยกออกมาว่า Ideal และ Reality มันคนละเรื่องกัน ไม่อย่างนั้นมันก็เป็นได้แค่ความเพ้อฝัน แล้วเราก็จะไม่อยากมีมันอีกต่อไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าถ้าความรักไม่ได้เป็นอย่างที่เราคาดหวังเอาไว้ หรือเป็นความรักตามอุดมคติของเรา ฉันจะไม่มีความรักอีกเหรอ มันก็ไม่ได้

ปัญหาความสัมพันธ์ที่ยากที่สุดของคุณคืออะไร

อืม…ก็น่าจะเป็นการใช้ชีวิต การพยุงความสัมพันธ์ไปแล้วก็ใช้ชีวิตตามค่านิยมของสังคม เราว่าแม่งยากว่ะ (ค่านิยมที่ว่าคืออะไร) มันคิอการพาแฟนไปกินอาหารดีๆ พาไปเที่ยวที่ต่างๆ แต่ไม่ได้หมายความผู้หญิงทุกคนเป็นแบบนี้ แต่ก็เจอมาแบบนี้ มันเป็นกรรมและวาระของเรา มันก็เป็นเรื่องที่เหนื่อยหน่อยนะ 

แสดงว่ามันมากเกินไปจนทำให้คุณอึดอัด

อาจจะไม่มากเกินไปก็ได้ แต่เรารู้สึกว่ามันน่าเบื่อมากๆ ทั้งที่ความจริงเราปฏิเสธเรื่องนี้ได้ เราเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนรักสบาย ซึ่งหลายครั้ง ไม่ว่าเราจะอยู่ในวงการหรือสังคมไหนก็ตาม เราเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนรักสบาย เราเข้าใจว่าผู้หญิงก็เลือกคู่ครองชีวิตจากคนที่มีฐานะค่อนข้างดีและสามารถดูแลเขาได้ อย่างหนึ่งเราต้องยอมรับว่าเราไม่ได้อยู่ในยุคล่าสัตว์ ไม่ได้อยากมีคนล่าสัตว์เก่งเพื่อกลับบ้านทุกเย็นมาพร้อมอาหาร เราต้องการคนที่หาเงินเก่ง หรือมีฐานะดีพอที่จะไม่ทำให้เราอดอยากปากแห้ง เราว่าเรื่องนี้มันย้อนแย้งกับความรักในอุดมคติที่ว่าคนเรารักกัน เรื่องแบบนี้ควรต้องตกไปสิ มันควรเป็นรักกัน นอนดูดปากแลกน้ำลายแทนการกินข้าวได้ อันนั้นมันคืออุดมคติปลอมๆ ที่เป็นเรื่องเพ้อฝันไง (จำเป็นไหมที่ต้องมีการแต่งงานกัน) แต่งก็ได้ไม่แต่งก็ได้ ไม่ซีเรียส เพราะว่าการแต่งงานเพิ่งมีมาไม่กี่ร้อยปีนี่เอง 

คุณก็เป็นคนอยู่ในไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมาเหมือนกันนะ การแต่งงานยังจำเป็นไหม

ก็ไม่รู้ (ยิ้ม) 

ให้ความสำคัญกับความรักไหม 

ให้นะ ดูแล เทกแคร์ เป็นความรักแบบเลิฟแอนด์แคร์ รักและห่วงใยในฐานะพาร์ตเนอร์ ของคนคู่กัน 

คิดว่าจะมีลูกไหม 

ทุกวันนี้อยากมีลูกสาว เห็นลูกคนนั้นคนนี้น่ารัก เราก็อยากมีลูกบ้าง ลูกสาวพี่โอปอล์ พี่กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่ และลูกของใครหลายๆ คน น่ารักทั้งนั้น (มองแต่ลูกที่น่ารัก แล้วมองตัวเองเป็นพ่ออย่างไร) ไม่รู้เลย เรารู้สึกว่าความเป็นพ่อมันคงอยู่ในสัญชาตญาณ แต่เราเชื่อว่าเราคงไม่สอนลูกในทางที่ผิด แล้วก็คิดว่าน่าจะเลี้ยงดูลูกได้ดีกว่าการมีภรรยาด้วยซ้ำ เคยคิดทุกครั้งที่อยากมีลูกว่าเราอยากเป็น Single Dad เพราะเรารู้สึกว่าการมีเมียมันปวดหัว มันยากกว่าการมีลูก 

  เราคงเป็นพ่อแบบหยินหยาง มีขาว-ดำในตัวเอง คือสอนลูกว่าโลกมันดาร์กแค่ไหน พร้อมชี้ทางสว่างให้เขาได้ด้วย โลกมันมืดก็จริง แต่มันมีสิ่งที่สว่างนะ 

เขาว่ากันว่าพ่อที่เจ้าชู้ถ้ามีลูกสาวจะหวงมากจริงหรือเปล่า

(เงียบ)…เราไม่ใช่คนเจ้าชู้นะ คือช่วงโสดเราอาจจะคุยทีละหลายๆ คน แต่ถ้ามีแฟนเราไม่คุยกับใครเลย คือถ้ามีลูกเราอยากให้เขาเป็นคนฉลาดมากกว่า เรียนสูง ไอคิวดี คล้ายๆ ที่เราเป็นมั้ง (ยิ้ม) อยากเลี้ยงให้คล้ายเรา เราชอบศิลปะ ก็คงอยากให้เขาชอบและเห็นความสำคัญด้วย นอกนั้นก็เป็นคนดีในสังคม ให้เกียรติและไม่ดูถูกคนอื่น 

ผู้หญิงแบบไหนที่จะชนะใจคุณ 

ไม่รู้เลย อันนี้ไม่มีคำตอบเลย ถามอะไรมาตอบได้เยอะแยะ แต่นี่เป็นเรื่องที่ตอบไม่ได้เลย (หัวเราะ) ในวันนี้เรื่องของเวลาน่าจะสำคัญ เวลาของการได้เจอใครสักคนที่มันตรงกับช่วงที่รู้สึกว่าเราอยากหยุดพอดี