The Young Blood Boys – บูม พีค

Written by  
23.02.18 2,217 views

          ซีรี่ส์เรื่อง ‘Make It Right Side Story รักออกเดินนิยายวัยรุ่นเรื่องดังที่ถูกนำมาสร้างเป็นซีรี่ส์  ถือเป็นการเริ่มต้นก้าวแรกบนเส้นทางวงการบันเทิงของสองหนุ่มคลื่นลูกใหม่  บูมกฤตภัค  อุดมพานิช  และพีคภีมพล  พาณิชย์ธำรง เด็กหนุ่ม 2 คนนี้คือเจเนอเรชั่นล่าสุดที่กำลังเริ่มต้นเดินทางต่อยอดความฝันของตัวเอง  ความน่ารักสมวัย  รวมถึงพัฒนาการด้านการแสดง  ยังคงเป็นสิ่งที่เรารอคอยจะได้เห็นผลงานเรื่องต่อไปของพวกเขาทั้งคู่


การเจอกันครั้งแรก

          พีค: “บูมดูเป็นเด็กหิวข้าวครับ  ยังจำได้เลยวันนั้นพอลงจากเครื่องมา  บูมก็กินข้าวมันไก่สองจานเลยครับ

          บูม: “ช่วงนั้นระบบย่อยอาหารมันดีครับเลยกินเยอะไปหน่อย  ตอนเจอพีคผมก็รู้สึกธรรมดานี่แหละ  ส่วนตัวผมเป็นเด็กต่างจังหวัดมาจากจังหวัดอุดรธานี  มานี่ก็เหมือนเจอเพื่อนใหม่ในกรุงเทพฯ  ก็ดีนะครับ  จะได้มีเพื่อนหลายๆจังหวัด


บทบาทการแสดงครั้งแรก
         
พีค: “ช่วงแรกที่ถ่ายก็มีติดขัดอยู่บ้าง  แต่พอช่วงหลังผมเริ่มรู้สึกสนุกไปกับมัน  ตอนเวิร์คช็อปผู้กำกับเขาก็จะสังเกตว่า  ชีวิตแต่ละคนเป็นอย่างไร  คาแรกเตอร์ของเราจะเข้ากับตัวละครหรือเปล่า  ผมรับบทเป็น  ฟิวส์  เด็กผู้ชายสดใสยิ้มเก่ง  รักเพื่อน  เป็นเหมือนเด็กโลกสวยที่มีความสุขในทุกสิ่งที่ทำ  รักเพื่อน  รักครอบครัว  บทนี้ค่อนข้างจะเหมือนผม  ถ้ารู้จักพีคจริงๆ ก็น่าจะเป็นคนประมาณนี้แหละ
         
บูม: “ผมรับบทเป็น  ธีร์  เขาจะเป็นคนมีมาด  เด็กดีตั้งใจเรียน  และรักเพื่อนฝูง  อบอุ่น  เป็นคนรักครอบครัว  ซึ่งค่อนข้างเหมือนนิสัยจริงซะส่วนใหญ่ครับ (หัวเราะ) บทนี้ค่อนข้างตรงคาแรกเตอร์ผมนะ  รู้สึกว่าเหมาะกับตัวละครนี้ครับ  โชคดีที่เราทั้งคู่จูนกันได้อัติโนมัติครับ  เราไม่ต้องมานั่งคอยบอกกันว่า  ต้องทำแบบนี้  อยู่ด้วยกันเรารู้กันเอง  ลื่นไหลไปได้เรื่อยๆ  เวลาท้อก็ช่วยให้กำลังใจกัน


ตอนตัดสินใจรับบทนี้ เคยรู้มาก่อนไหมว่าต้องจิ้นกัน
         
พีค: “ไม่รู้เลยครับ  ตอนแรกที่ติดต่อมาเพื่อคัดเลือกนักแสดง  เขาบอกแค่ว่า  จะเป็นซี่รี่ส์ผู้ชายแนวน่ารัก  ตอนนั้นผมก็คิดอยู่หมือนกันว่า  น่ารักยังไงวะ  พอรู้ก็เหมือนมันเริ่มไปแล้วแหละครับ  และพวกเราก็สนุกกับการทำอะไรใหม่ๆ  ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่  ผมก็ไม่ได้อะไร  เพราะมันเป็นการแสดงและยังเป็นบทแรกในชีวิตเลยครับ
          
บูม: “ของผมตอนแรกเขาเกริ่นมาว่า  จะได้เล่นซีรี่ส์เกี่ยวกับพลังวิเศษ  บอกว่าให้ไปดูหนังเรื่อง  แฮร์รี่  พอตเตอร์  มาเลยนะ  แล้วผมก็ไปดูมา  ตอนนั้นตื่นเต้นมาก  เรียกว่าตั้งหน้าตั้งตารอคอย  สรุปวันถ่ายจริงก็รู้สึกตกใจครับ  ตื่นเต้นหนักกว่าเก่าอีก  เพราะดันกลายเป็นอีกบทที่คาดไม่ถึง  เป็นพลังเหนือชาย  พลังโคตรบุรุษครับ (หัวเราะ) ซึ่งพี่เขาไม่ได้หลอกเรามาเล่นบทนี้หรอกนะครับ  มันเป็นอีกโปรเจกต์หนึ่งที่ถูกเลื่อนไปก่อน


ฝึกฝนและทำการบ้าน
         
พีค: “เราก็เป็นเด็กทั่วไป  อาจจะไม่มีความรู้และประสบการณ์การแสดงสักเท่าไหร่  ที่ผ่านมาเราทำการบ้านเยอะพอสมควรครับ  มีไปเรียนแอ็คติ้ง  เวิร์คช็อปกันอยู่ 2-3 เดือนครับ
         
บูม: “เราเรียนตั้งแต่พื้นฐานเลย  พี่ๆ  เขาก็สอนเราเยอะอยู่ครับ  เราก็ต้องกลับไปตีบทให้แตก  ซ้อมบท  แล้วก็ทำความเข้าใจตัวละครของเราครับ


นิยามการทำงานของคลื่นลูกใหม่
         
บูม: “ต้องมีกำลังใจให้มากๆครับ  ทำวันนี้ให้ดี  ตั้งใจทำงาน  ขยันๆ  ถ้ามีโอกาสสำหรับบทใหม่พวกผมก็ยินดีนะครับ  คงแล้วแต่โอกาสที่เข้ามาแหละครับ
         
พีค: “สำหรับพีคก็เหมือนกับบูมนี่แหละ  ทำวันนี้ให้ดีครับ  ไม่ต้องคิดไปถึงอนาคตว่าจะเดินไปในทิศไหน  ทำตอนนี้ให้ดีที่สุด  วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรก็อยู่ที่เรานี่แหละครับ  เป้าหมายในวงการบันเทิง  ผมอยากแสดงบทคนที่ไม่ดีบ้าง  บทที่แตกต่างไปจากตัวเราที่เป็นคนดี (หัวเราะ) อีกอย่างหนึ่งคือ  อยากเล่นดนตรี  แต่ก็ได้เล่นกับเรื่องล่าสุดไปแล้ว” 


ระหว่างบูมพีค คิดว่าใครแสดงเก่งกว่ากัน
         
พีค: “เราก็ต้องชมอีกฝ่ายหนึ่งแหละครับ  แต่ถ้าจะให้พูดจริงๆ  ก็คือเก่งเท่ากันแหละ  แต่ละคนก็จะมีวิธีการแสดงไม่เหมือนกัน
         
บูม: “ใช่  แต่เราก็เพิ่งเริ่มต้นก็ยังต้องเรียนรู้อีกมากครับ  งานนักแสดงเป็นเหมือนโอกาสที่ผมไม่เคยคิดจะได้รับ  เพราะผมพูดไม่ค่อยเก่งเลย  แต่ต่อไปก็คิดว่า  ถ้าตัวเองขยันและฝึกฝนไปเรื่อยๆ  ก็น่าจะดีขึ้นได้


ชอบการเป็นนักแสดงไหม
         
พีค: “ส่วนตัวผมมองว่าการเป็นนักแสดงไม่ใช่เรื่องง่าย  ชีวิตส่วนหนึ่งของเรามันจะหายไปแน่ๆ  เวลาสนุกสนานกับเพื่อนๆ  เวลาเรียน  แต่พอเราได้มาทำงานด้านนี้  ผมก็สนุกในการแสดงเพิ่มขึ้นมาแทน


วิธีละลายพฤติกรรม
         
พีค: “พวกเราต้องเวิร์คช็อปกันอยู่หลายเดือนเลย  ทุกคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน  บูมเป็นคนที่เราต้องเข้าคู่ด้วย  ตอนนั้นผมยังไม่เคยเจอเขามาก่อน  เราก็แอบลุ้นนิดนึงว่าเขาจะเป็นคนอย่างไร  แต่ตอนนี้ก็สามารถเข้าขากันได้ดีแล้วครับ  จริงๆ  ผมต้องเป็นพี่  แต่ให้บูมเขามองว่าเราเป็นเพื่อนดีกว่า  ต้องสนิทกันครับเลยต้องเป็นเพื่อนกัน  เรียกกูมึงตามปกติ  พอได้อยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆ  เราเริ่มรู้จักนิสัยกันมากขึ้น  เรารู้ว่าทำแบบนี้ถึงจะชอบนะ  แบบนี้ไม่ชอบนะ
         
บูม: เหมือนพวกเราจูนกันได้อัตโนมัติครับ  ไม่ได้มานั่งแบบว่าต้องทำแบบนี้  อยู่ด้วยกันมันรู้เองก็ลื่นไหลไปเรื่อยๆครับ  รู้กันเอง  ปกติก็ช่วยให้กำลังใจกันครับ  สู้เว่ย! บางทีเป็นฉากยาก  เราก็ต้องใช้อารมณ์ทางดราม่า
        
พีค: “ฉากยากที่สุดคือ  ฉากเลิฟซีน  ตอนแรกก็อาจจะมีเกร็งๆ หน่อย  เพราะพวกเรายังไม่ได้สนิทกัน  จะเขินมาก  แต่พอภายหลังเริ่มคุ้นเคยกันมากขึ้นก็เต็มที่ครับ (หัวเราะ)”


ความสนิทในจอกับนอกจอแบบไหนสนิทกว่ากัน
         
พีค: “นอกจอครับ  เพราะว่าในบทพวกเราแทบจะไม่ได้คุยกันเท่าไหร่  ได้แค่มองตา  ออกแนวงอนๆ  กันมากกว่า
         
บูม: “สิ่งที่ทำให้เราสนิทกันก็คงเป็นเพราะได้เจอกันบ่อยๆ  นี่แหละครับ  พวกผมเจอกันบ่อยที่สุดในกอง  ไม่ได้เจอหน้าใคร (หัวเราะ) ด้วยความที่ต้องเข้าฉากพร้อมกัน  ออกงานด้วยกัน  เรียกว่าพวกเราอยู่ด้วยกันจนรู้จักนิสัยกันหมดเปลือกแล้ว  เวลาทำงานด้วยกันทุกครั้งพวกเราก็จะให้กำลังใจ  อาจจะไม่ได้เข้ามาพูดกันตรงๆ  แต่เป็นเหมือนความรู้สึกที่รู้กันเอง  สู้ไปด้วยกัน


ความหมายของคำว่า มิตรภาพ
         
พีค: “สำหรับผม  มันคงเป็นความรักที่แต่ละคนมีให้กันครับ  ความห่วงใย  เป็นสิ่งที่รวมหลายๆอย่างเข้าไว้ด้วยกัน
         
บูม: “มิตรภาพคือความจริงใจที่มีให้กันครับ  เราสามารถพึ่งพากันได้  โดยไม่ต้องไปบังคับใจอีกฝ่าย  ช่วยเหลือกัน


บูมมองว่า พีคเป็นเพื่อนแบบไหนในชีวิต
         
บูม: “เขาเป็นเพื่อนที่ดีครับ  ช่วยเหลือกันได้เสมอ  พีคจะเป็นคนที่เราคุยได้  เข้าใจกันได้  เหมือนเรารู้ด้วยตัวเองว่าเพื่อนคนนี้สามารถพึ่งพาได้  อยู่ด้วยกันก็รู้กันเอง

แล้วพีคมองว่าบูมเป็นคนอย่างไร
          
พีค: “อย่างที่บอกครับว่า  ตอนช่วงเวิร์คช็อป  บูมเป็นคนที่ต้องเข้าคู่ด้วย  เราก็เลยลุ้นนิดนึงว่าเขาเป็นคนอย่างไร  เจอครั้งแรกเขาก็ดูเป็นเด็กปกติดี  พอได้อยู่ด้วยกันมาเรื่อยๆ  ผมก็รู้สึกแฮปปี้ครับ” 
         
บูม: “ของผมก็รู้สึกปกติครับ  ตั้งแต่แรกจนถึงวันนี้  ก็ยังดูเหมือนเดิมครับ  ดูเป็นคนดีครับ (หัวเราะ) แล้วก็ดูจิตใจดีครับ  ละเอียดอ่อน (หัวเราะ) รักครอบครัว  แล้วก็ชอบไปทัวร์กินอาหาร  สายกิน
         
พีค: “บูมนี่เป็นที่พึ่งที่ดีเลย  สมมติว่าเราไม่ได้เอาสบู่แชมพูมา  เราก็สามารถยืมบูมได้ครับ  พูดได้ว่าเป็นคนอนามัย  ต้องนอนครบเจ็ดชั่วโมง  เวลาเราไปต่างประเทศ  ถ้าเราอยู่กับเขา  เราจะได้นอนเต็มที่  ถ้าเราอยู่กับเพื่อนคนอื่นไม่ได้พักผ่อนเต็มที่แบบนี้หรอกนะครับ  แล้วบูมจะเป็นคนชอบทำอาหารครับ  ส่วนผมเป็นสายกิน (หัวเราะ)”


เรียกว่าบูมได้เข้ามาเปลี่ยนชีวิตอะไรไปบ้างหรือเปล่า?
          
พีค: “ก็อาจจะเปลี่ยน..บางทีเราก็อยากดูแลตัวเองให้ได้เหมือนเขาบ้าง  เป็นตัวอย่างที่ดีครับ
         
บูม: “ใช่ครับ (หัวเราะ)”


ถ้าครีเอทเมนูอาหารขึ้นมาหนึ่งเมนูให้พีค บูมจะทำจานไหน?
         
บูม: “ไข่ต้มครับ (หัวเราะ) เป็นเมนูที่มีสารอาหารเยอะ  โปรตีนสูง” 
         
พีค: “ดีครับ  ผมเป็นคนชอบกินไข่ต้มครับ  ชอบไข่ต้ม  เพราะบูมทำให้กินครับ (หัวเราะ)”


ถ้าสลับตัวกันได้หนึ่งวัน เราอยากเข้าไปเห็นอะไรในตัวอีกคน
         
พีค: “อยากเห็นความคิดของบูมว่า  เขากำลังคิดอะไร  เพราะบางทีเราก็เดาไม่ออกเลย
          
บูม: “อยากเห็นการใช้ชีวิตของพีคครับ  เวลาเขาไปร้านอาหารอร่อยๆ  เราก็อยากตามไปลองกินบ้าง  พีคจะชอบกินไปเรื่อยๆ  พีคชอบกินอะไรหลายอย่างเลยนะครับ” 
         
พีค: “ผมอยากกินเนื้อย่างครับ


พีคจะมีโอกาสได้กินเนื้อย่างฝีมือของบูมไหม
         
บูม: “เดี๋ยววันไหน  ถ้าได้เนื้อดีๆ มา  ผมจะทำให้บูมกินแน่นอน (หัวเราะ)”


โมเมนต์น่ารักของแฟนคลับที่ประทับใจ

          บูม: “ยังน่ารักเหมือนเดิมทุกคนครับ  ทุกครั้งที่เจอกันพวกเขาจะมีขนมนมเนยมาฝากให้กันตลอดเลย  ทำให้เราอิ่มท้อง  แค่ได้ของกินมาก็ร่าเริงแล้ว  พอได้มาทีก็แบ่งกันปาร์ตี้ภายในกอง

          พีค: “ซีรี่ส์เรื่อง ‘Make It Right Side Story รักออกเดินเป็นนิยายที่เคยดังในเว็บไซต์มาก่อน  คนก็อยากจะรู้ว่าภาพในหัวที่จินตนาการจะตรงกับคนที่มาแสดงหรือเปล่า  ที่ผ่านมาเราก็แอบเข้าไปส่องกันบ้าง  เสียงตอบรับก็ค่อนข้างดี  มีคนบอกว่า  คนนี้ก็เหมาะกับการเป็นฟิวส์  คนนี้เหมาะกับการเป็นธีร์  ผมก็อยากขอบคุณสำหรับการติดตามมากครับ






INTERVIEW 112 – 
ออฟกันต์
เรื่องเสาวภัคย์ อัยสานนท์
Puppy Honey

          #ปิ๊กโรม  ติดชาร์จอันดับแฮชแท็คยอดฮิตบนโลกโซเชียลอยู่ช่วงหนึ่ง  แต่นี่คงไม่ได้เป็นเพียงบทบาทเดียวที่การันตีถึงความสำเร็จอย่างถล่มทลายของตัวละครคู่จิ้นรุ่นพี่รุ่นน้อง  ออฟจุมพล  อดุลกิตติพร และ  กันอรรถพันธ์  พูลสวัสดิ์  จากซีรี่ส์เรื่อง ‘รุ่นพี่ Secret Love’ ตอน Puppy Honey เพราะนอกจอพวกเขาทั้งคู่ยังได้รับบทบาทให้เป็น ‘ป่าปี๊ม่ามี๊’ ของแฟนคลับที่เปรียบเสมือนครอบครัวอันแสนอบอุ่น


การเจอกันครั้งแรก
         
ออฟ: “ไม่ชอบหน้ากันครับ (หัวเราะ) วันแรกที่พวกเราเจอกันเป็นวันทำบุญของตึกแกรมมี่  ซึ่งส่วนตัวผมจะไม่ค่อยชอบหน้าเด็กที่เข้ามาใหม่อยู่แล้ว  ผมนิสัยไม่ค่อยดี  ตอนเห็นเขาครั้งแรก  ก็คิดในใจว่า  ไอ้เด็กนี่มันเป็นใคร  เข้ามาใหม่อีกแล้วหรอ  แต่พอได้อยู่ด้วยกันมาเรื่อยๆ  เราก็สนิทกันมากเลยครับ
         
กัน: “ผมมองว่าพี่ออฟเป็นคนนิ่ง  ดูเงียบๆ  แต่พอได้รู้จักถึงรู้ว่าพี่เขาเป็นคนตลกมาก  แล้วเราสองคนชอบเรื่องเสื้อผ้าการแต่งตัวเหมือนกันด้วยเลยทำให้คุยกันง่าย  วันไหนว่างๆ  เราก็จะชวนกันออกไปซื้อของบ่อยๆ” 


#
ปิ๊กโรม คาแรกเตอร์ในละครกับนิสัยในชีวิตจริง
         
กัน: “ในเรื่องผมรับบทเป็นรุ่นน้องปี 1 ที่เรียนคณะนิเทศศาสตร์  คาแรกเตอร์ของกันต์จะเดินตามคนอื่นเขาไปมา  ตอนแรกก็ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย  พอมาซีซั่นสองถึงเริ่มรู้สึกว่าตัวเองชอบพี่คนนี้  ชอบตื๊อ  อยากรู้ความจริงว่าเราเป็นอะไร  บท ‘โรม’ ค่อนข้างเหมือนผมนะครับ  โรมจะเป็นสายแหย่และขี้เล่นเหมือนกัน (หัวเราะ)”
         
ออฟ: “คาแรกเตอร์ของปิ๊กในเรื่องจะเป็นคนปากหมานิดนึง  ปากไม่ค่อยดี  กวนประสาทเล็กน้อย  แต่จะเป็นคนเรียนเก่ง  เรียนคณะสัตวแพทย์  ของผมก็เหมือนกันนะ  ไม่ได้ต่างกันเยอะมาก  เพราะส่วนหนึ่งของตัวละครนี้ก็สร้างขึ้นมาจากตัวตนของเรานี่แหละ  เพราะเขาสัมภาษณ์เราก่อนที่จะไปเขียนบท  ซึ่งผมว่าก็ดีนะ  ถ้าเราได้เล่นสิ่งที่ใกล้เคียงกับเรา  มันจะทำออกมาได้ดี  อินกับมันครับ


ทำไมถึงตัดสินใจรับเล่นบทนี้
         
กัน: “ผมเคยเล่นเล่นบทแนวคู่จิ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว  ตอนแรกเราเองก็เคยคิดจะพอแล้วกับบทคู่จิ้นนะ  แต่พอได้คุยถึงเรื่องราวในเรื่อง  นักแสดงที่จะมาเล่นคู่ด้วย  ผมรู้สึกว่ามันก็ไม่ได้จิ้นจ๋าหรือน่ากลัวอะไรขนาดนั้น  พอได้ฟังก็อยากลองเล่นดูอีกสักเรื่อง  ซึ่งพอได้เล่นความรู้สึกมันค่อนข้างต่างจากเรื่องก่อนๆ  ที่เคยเล่นมา  ที่ผ่านมาจะออกแนวจริงจังและเครียดหน่อย  แต่เรื่องนี้จะเป็นความน่ารักวัยรุ่นใสๆ
         
ออฟ: “ผมไม่คิดที่จะปฏิเสธบทนี้เลยนะครับ  สำหรับผมนี่เป็นอีกหนึ่งบทที่เราไม่เคยได้เล่นมาก่อน  ผมไม่เคยมองว่า  คู่ที่เป็นแบบนี้ไม่ดี  ถือเป็นความท้าทายใหม่ของเรา  ก็เลยตัดสินใจรับเล่นบทนี้ครับ


กลัวคนติดภาพคู่จิ้นไหม
         
กัน: “ไม่เคยกลัวเลย  ถ้ากลัวคงจะไม่รับเล่นบทนี้ตั้งแต่แรก  ผมกลับคิดว่า  ถ้าเราเล่นถึงคนดูจริงๆ  ต่อไปไปเล่นเรื่องอื่นคนก็สามารถเชื่อว่าเราเป็นอีกบทหนึ่งได้เหมือนกัน  ถ้าจะติดว่าเป็นคู้จิ้น  จริงๆ ก็ดีนะที่คนจะจดจำพวกเราสองคนได้ว่าครั้งหนึ่งเคยรักกัน  เราสามารถเล่นได้หลายแบบก็อยากให้ทุกคนลองดู
         
ออฟ: “ผมมองว่าเป็นข้อดีด้วยซ้ำที่เราสองคนสามารถเล่นได้แล้วคนสามารถจำได้  ผมไม่ได้กลัวเลยว่าคนจะติดภาพคู่จิ้นเพราะมันเป็นผลงานของเรา  ถ้าเราทำออกมาดี  แล้วเขาจำได้  มันเป็นข้อดีเสียอีกที่เขาสามารถจำเราได้ในจุดๆ นี้  เรื่องนี้เราก็ต้องทำให้ได้ดีเหมือนกัน  ให้เขาจำเราได้  ไม่ใช่แค่เป็นเรื่องนี้เรื่องเดียว
          
กัน: “ถ้าจะพูดถึงข้อเสียก็คงจะเป็นเรื่องคนอาจเข้าใจผิดว่าเราเป็นเกย์จริงๆหรือเปล่า  แตเราเลิกคิดเรื่องนี้ไปแล้ว  เคยมีคนมาทักนะ (หัวเราะ) พอมาเป็นแบบนี้เราเห็นข้อดีมากกว่าข้อเสีย  มีคนรักเรามากขึ้น  ตอนนี้คนที่เขาชื่นชอบพวกเราทั้งคู่  ไม่ได้หมายความเขาอยากเห็นเราอยู่ด้วยกัน  แต่ถึงเราแยกกันเขาก็ยังจะตามพวกเราทั้งคู่อยู่ดีครับ  เป็นกัน  เป็นออฟ

 

มุมมองความรักเพศเดียวกัน 
         
ออฟ: “ผมมองว่าเป็นเรื่องปกติมากครับ  คนเหล่านี้เขามีความสามารถเยอะกว่าเราด้วยซ้ำ  ลองสังเกตดูว่า  ตอนประถมใครเป็นคนจัดบอร์ด  ตอนมัธยมใครเป็นคนจัดนิทรรศการ  ตอนมหาวิทยาลัยใครเป็นหลีด  ก็คนแบบนี้ทั้งนั้นแหละครับ  คนเราจะเป็นแบบไหนก็เป็นเถอะ  จะรักใครก็รักไปเถอะ  มันเป็นเรื่องของคนสองคน  เราจะไปห้ามเขาทำไม
         
กัน: “ผมรู้สึกว่ามันก็คือความรัก  ไม่จำกัดเพศ  นี่มันยุคไหนสมัยไหนกันแล้ว  เรื่องความรักมันไม่ได้ระบุหรอกว่า  ต้องเป็นหญิงกับชายรักกันถึงจะถูก  ตอนนี้เราก็เห็นว่ามีคู่รักหลากหลายเพศผุดขึ้นมาให้เห็นกันเยอะมากบนอินเตอร์เนต  มันก็เป็นเรื่องของความรักน่ะครับ  ถ้าเราอยู่กับเขาแล้วรู้สึกดี  เขาสามารถดูแลเราได้  ใช้ชีวิตคู่แล้วมีความสุข  เกื้อหนุนกัน  ไม่ได้ดึงใครให้ตกต่ำลงมา  ผมว่า  แค่นั้นก็พอแล้ว  อีกอย่างหนึ่งคือ  เดี๋ยวนี้สังคมเปิดรับมากขึ้นด้วย  ผู้หญิงส่วนมากชอบเห็นความสัมพันธ์แบบผู้ชายกับผู้ชายดูแลกัน  บางคนอาจจะเป็นผู้ชายแท้ๆ  แต่มาดูแลกัน  ผู้หญิงก็จะคิดว่าทำไมเขาดูแลกันแล้วดูน่ารักดี  ฝั่งบ้านเราก็เริ่มมีคู่จิ้นมากขึ้น  คนสมัยนี้เลยเห็นว่ามันน่ารักมากขึ้น


#
ออฟกัน กับเคมีที่เข้ากันอย่างลงตัว
         
ออฟ: “สนิทขนาดที่ว่าผมสามารถเล่าในสิ่งที่เราไม่สามารถเล่าให้คนอื่นฟังได้  ก็มีเรื่องความลับเยอะเหมือนกันครับที่มันรู้  ผมก็รู้ของมันบ้างนิดหน่อย  ผมอาจจะบอกได้หมดเลยนะในทุกเรื่อง
         
กัน: “คิดว่า  คงเป็นแบบนี้เป็นกันต์กับปาปี๊ไปเรื่อยๆ  ถึงเราจะไม่ได้เล่นซี่รี่ส์ด้วยกัน  มีงานร่วมกัน  เราก็ยังติดต่อ  เจอกันบ่อยๆ  เวลาอยู่ด้วยกันมันก็สนุกดี  ไม่ได้แบบว่าอยู่ด้วยกันแล้วต้องมานั่งเครียด
         
ออฟ: “โชคดีที่เราทั้งสองคนสนิทกันนอกจอด้วยครับ  สนิทจริงๆ  สนิทกันไปแบบไปไหนมาไหนด้วยกัน  นัดออกมาเที่ยวเล่นด้วยกัน  มิตรภาพของเราก็คงจะยาวๆไป  ไม่เหมือนคู่อื่นที่อาจจะในจอเป็นอีกอย่างหนึ่ง  นอกจอเป็นอีกอย่างหนึ่ง 


เรื่องน่าเป็นห่วงของอีกคนที่รู้สึกกังวลใจ
         
กัน: “เขารู้เองแหละครับ  โตแล้ว
         
ออฟ: “เรื่องที่ดูแลน้องนั่นแหละ  ตอนนี้กันต์เขาเป็นหัวหน้าครอบครัวแล้ว  มีน้องสาว  แม่ก็ไม่อยู่แล้ว  นี่ก็ต้องเป็นคนคอยดูแลน้อง  น้องพิมอยู่ไหน  น้องไปไหน  ไปรับส่ง  ซื้อของให้น้อง  ก็ดีกว่าก่อน  เมื่อก่อนเขาอาจจะมีแม่คอยดูแลแต่ตอนนี้ต้องเป็นเขาคนเดียวแล้วที่ดูแลน้อง  วางอนาคตไว้ว่าน้องจะเป็นอย่างไร
         
กัน: “สองปีแล้วที่ได้รู้จักพี่ออฟ  เขาโตขึ้นเยอะเหมือนกันครับ  ตอนนี้เขาเริ่มคิดถึงอนาคตมากขึ้นว่าจะวางแผนชีวิตทำอะไร  เก็บเงินเอาไปใช้อย่างไร


ออฟเป็นที่พึ่งของกันต์ได้ไหม
         
กัน: “ก็พึ่งได้ถ้าสามารถรับโทรศัพท์เร็วขึ้นกว่าเดิม  ชอบรับโทรศัพท์ช้า  ป่าปี๊ไม่ค่อยชอบรับโทรศัพท์ (หัวเราะ)”


บทบาทรุ่นพี่รุ่นน้องที่มากกว่าในจอ
         
ออฟ: “ตอนไปมีทแอนด์กรี๊ดที่เกาหลีใต้ครั้งแรกครับ  พอไปอยู่ที่โน่น  เรารู้สึกว่า  ชีวิตเรามาถึงจุดนี้เลยเหรอวะ  มีคนต่างชาติมาชอบ  เราจัดงานให้คนต่างชาติ  เราก็ประทับใจร้องไห้กันทั้งคู่  ว่าวันหนึ่งมาถึงจุดนี้กันได้ยังไงวะ
         
กัน: “จำได้ว่า ล่าสุดเลยคงเป็นคอนเสิร์ต Y มั้ง  วันนั้นต้องขึ้นคู่กัน  เราก็ต้องช่วยกัน  เขาบอกว่า  เดี๋ยวทำแบบนี้  มึงตามกูมานะ  กอด  เพราะกันต์ตื่นเต้นมากที่ซ้อมมาพอวันแสดงจริงกลัวลืมมาก” 
         
ออฟ: “กันต์จะชอบตื่นเต้นเวลาเจอสถานการณ์ใหญ่ๆ  แล้วเขาจะล่ก  เราก็ต้องพูดให้ความมั่นใจน้องว่า  สบายมาก  ทำได้อยู่แล้ว  ไม่งั้นเตลิดแน่  ซึ่งอันที่จริงเราก็ตื่นเต้นเหมือนกัน  แต่เราก็ต้องแกล้งปกติในฐานะพี่” 


กระแสตอบรับจากแฟนคลับเป็นอย่างไรบ้าง
         
ออฟ: “เสียงตอบรับดีมากครับ  มีอยู่ช่วงนึงที่พวกเราติดอันดับแฮชแท็กยอดนิยมในทวิตเตอร์ด้วย  คำว่า #รุ่นพี่secertlove #puppyhoney และ #ปิ๊กโรม  ติดอันดับพร้อมกันเลยครับ  ทำเอาตกใจกันเลย  เพราะที่ผ่านมาผมเล่นกับผู้หญิงมาประมาณ 4-5 เรื่อง  ไม่เคยมีแบบนี้  แต่พอได้มาเล่นกับผู้ชายเรื่องแรกก็มีเลย
         
กัน: “พี่ออฟก็จะเป็นป่าปี๊ของทุกคน (หัวเราะ)”


#
ป่าปี๊ของกัน คำว่า ‘ป่าปี๊’ มาจากไหน?
         
กัน: “คำว่า  ป่าปี๊  มาจากซีซั่นแรกเลยครับ ‘Puppy Honey’ ผมเป็นคนเริ่มต้นเรียกพี่ออฟแบบนี้ก่อน  จนคนติดเรียกตามกัน” 
        
ออฟ: “ตอนแรกก็งงมาก  อยู่ๆ แฟนคลับก็เรียกป่าปี๊  เวลาโดนเรียกแล้วจะรู้สึกเขินๆ  รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพ่อคนแล้วหรอ  แล้วจริงๆ  พวกเรามีชื่อประจำด้อมด้วยนะ  ชื่อว่า ‘เบบี๋’ ด้อมเป็นบ้านที่แฟนคลับของเราทั้งคู่รวมตัวกัน  อย่างผมก็จะเป็นป่าปี๊  ส่วนกันก็จะเป็นม่ามี๊  แฟนคลับก็จะเรียกแทนตัวเองว่า  เบบี๋ (หัวเราะ)”


#
เบบี๋ของออฟกัน เหล่าแฟนคลับที่เปรียบเสมือนครอบครัว
         
ออฟ: “ไม่อยากพูดถึงเลยเดี๋ยวร้องไห้ (หัวเราะ) ผมอยากขอบคุณทุกคนที่ติดตามกัน  รักกันตั้งแต่วันแรก  ไม่คิดหรอกว่า  วันหนึ่งจะมีคนมาชอบเรา  มาติดตามเราเยอะขนาดนี้  แล้วผมรู้สึกว่า  เขาให้ใจเราจริงๆ นะ  จากที่เราสองคนเป็นใครไม่รู้  วันนี้ก็มีคนมาติดตามพวกเรามากขึ้นเรื่อยๆ  อยากขอบคุณจริงๆครับ
        
กัน: “เคยมีคนรีทวิตมาหาเราถึงความรู้สึกที่มีต่อบ้านออฟกัน  บ้านออฟกันเป็นบ้านหลังหนึ่งที่รักเราสองคนจริงๆ  เขาเห็นใจเรา  แคร์เราสองคนมาก  เขาพยายามทำให้บ้านหลังนี้ไม่เครียด  บางครั้งมันมีปัญหานะ  แต่เขาพยายามทำให้เราไม่รู้ว่ามีปัญหา  ซึ่งบ้านหลังนี้มันอบอุ่นมากเลยครับ  จากคนที่ไม่รู้จักกันก็ทำให้เป็นครอบครัวใหญ่ขึ้นมาได้  ขอบคุณมากๆเลยครับ