เมื่อคำว่าประสบการณ์ของปอร์เช่-ศิวกร อดุลสุทธิกุล กลับกลายเป็นกำแพงที่กั้นโอกาสในการพัฒนาตัวเอง กลายเป็นอีโก้ที่ทำให้เขามองไม่เห็นข้อผิดพลาดในตัวเอง อะไรเป็นสิ่งที่ทำให้เขาก้าวข้ามสิ่งเหล่านี้มาได้ พูดคุยถึงความเปลี่ยนแปลงตลอดระยะ 1 ปีของปอร์เช่ในฐานะสมาชิกโปรเจ็กต์ 9x9

จุดเริ่มต้นของโปรเจ็กต์ 9x9 เล่าให้ฟังหน่อย
โปรเจ็กต์ 9x9 เป็นการรวมตัวของนักแสดงและศิลปินด้วยกันทั้งหมด 9 คนที่มีความฝัน มีแพสชั่นไปทางเดียวกัน โดยในโปรเจ็กต์เราจะแบ่งเป็นทั้งหมด 4 พาร์ต พาร์ตแรกเป็นความสามารถฝั่งการแสดง พาร์ตสองเป็นร้องเพลง พาร์ตสามเป็นรูปแบบของเพอร์ฟอร์แมนซ์ ในชื่อ “Into the Light” ครับ และในพาร์ตสี่จะเป็นคอนเสิร์ตครับ ในช่วงนี้ตอนนี้เราอยู่ในพาร์ตของละคร ที่พึ่งถ่ายทำเสร็จกันไปคือ “เลือดข้นคนจาง”
พาร์ตการร้องเพลง ตอนนี้ก็ได้เดโม่จากทางโปรดิวเซอร์มาแล้ว ช่วงนี้ก็อยู่ในระหว่างการทำเพลง เข้าห้องอัดกัน เพอร์ฟอร์แมนซ์จะไม่ใช่แบบมินิคอนเสิร์ต ให้ลุ้นกันดีกว่าว่าจะออกมาเป็นอย่างไร ส่วนของคอนเสิร์ตจะจัดเต็ม ร้อง เต้น โชว์ ครบเต็มอิ่มแบบที่ทุกคนเคยเห็นกันกับคอนเสิร์ตของ 4NOLOGUE ครับ
ฝึกซ้อมกันนานไหม
ประมาณ 1ปีเลยครับที่ซุ่มซ้อมกันมา แต่ผมรู้สึกว่ามันเร็วมากเลยนะ ยังไม่ทันรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เราสนุกกับมันมาก ผมไม่เคยรู้สึกว่าเวลามันผ่านไปเร็วขนาดนี้เลย มันก็มีเหนื่อย มีท้อบ้างบางที แต่มันเป็นสิ่งที่มีความสุขในทุกวัน พวกเราอยากให้ทุกอย่างทุกพาร์ตออกมาดี เราก็ต้องทุ่มเทและยอมเหนื่อยครับ
พาร์ตไหนคือพาร์ตที่ปอร์เช่ถนัดมากที่สุด
จริงๆ ผมก็มีพื้นฐานเรื่องการเต้นมาก่อน เวลาซ้อมเต้นกันเนี่ย ผมจะมาสายเต้นแบบฟรีสไตล์ เน้นสนุก เต้นจนเอ็นตรงเท้าผมอักเสบแล้วเนี่ย จุดเริ่มต้นของการเต้นมาจากสมัยที่อายุ 8-9 ปี ผมเป็นเด็กติดเกมมาก แล้วแม่เห็นว่าอยู่บ้านก็เล่นแต่เกมไม่ทำอะไร เอามันไปหาอะไรทำดีกว่า แม่ก็พาผมไปเรียนเต้นคัฟเวอร์ ก่อนที่จะไปเรียนผมต่อต้านนะ พอถึงคลาสเรียนครั้งแรกผมชอบเลย เป็นอะไรที่เราไม่เคยทำ เหมือนเปิดโลกใหม่ของผมไปเลย จากนั้นก็ขอแม่เรียนเต้นอีกแบบที่ไปเข้าค่ายที่เรียนเต้นอย่างเดียว จากนั้นก็ยังไม่ได้หยุดเต้นเลย

ชอบการเต้นขนาดนี้ ให้คะแนนการเต้นตัวเองเท่าไหร่
ก่อนเข้าโปรเจ็กต์นี้ผมให้ตัวเองเต็ม 10 เลยนะ (หัวเราะ) แล้วมันทำให้ผมมีความมั่นใจอะไรผิดๆ บางอย่าง มีอีโก้ คิดว่าตัวเองเจ๋งแล้ว เต้นเก่งสุดแล้ว มาถึงก็โชว์เหนือเลย แต่พอเข้ามาในโปรเจ็กต์ 9x9 มันถูกพิสูจน์แล้วว่าผมคิดผิด ผมไม่ใช่คนที่เก่งที่สุด ครั้งแรกของการทดสอบ ผมโดนคุณครูตำหนิหลายจุดมาก เฟลไปเลย นอยด์ไปหลายวัน แต่พอมาย้อนดูอีกทีแล้วมันก็จริงแบบที่ครูเขาบอก เราคิดว่าทำได้ดีแล้ว แต่มันยังดีไม่พอกับความเป็นมืออาชีพ เราเลยเปลี่ยนความคิดของเราทันที ถ้าเราคิดว่าเราเก่งแล้ว ให้คะแนนตัวเองเต็ม 10 เราจะไม่พัฒนาตัวเอง จากนั้นมาผมให้คะแนนตัวเองไม่เคยเกิน 5 คะแนนเลย มันจะได้เหลือพื้นที่เอาไว้พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นไปอีก ทำตัวเองให้เหมือนน้ำที่ไม่เต็มแก้วไว้
แล้วเรื่องการแสดงเป็นอย่างไรบ้าง
ใหม่มากเลยครับกับงานแสดง จริงๆ ผมเคยมีผลงานการแสดงอยู่ แต่ก็ยังไม่เข้าใจคำว่าแอ็กติ้งมากเท่าไหร่ พอได้มาทำเวิร์กช็อปที่นาดาวแล้ว โห! เหมือนผมหลุดเข้าไปในอีกโลกหนึ่งเลย ผมเรียนวันละ 4-5 ชั่วโมง มันเป็นศาสตร์ที่ต้องเปิดใจในการทำความเข้าใจนะ ช่วงแรกผมใช้ความคิดมากเกินไป พยายามใช้หลักของเหตุและผลมากเกินไป ซึ่งจริงๆ มันใช้แค่ความรู้สึก พอเราจับทางได้มันก็กลายเป็นเรื่องสนุกสำหรับเรา แล้วเราก็อยากทำให้มันได้ดีด้วย มีอยู่คลาสหนึ่งมันจะเป็นแบบฝึกหัดที่มองตาแล้วรู้ใจกัน พี่ต่อ พี่เจเจ พี่เจมส์นี่ เหมือนคนมีพลังจิต เขาสามารถทายใจกันได้ ผมช็อกไปเลย ทำได้ไง
บทบาทที่ได้รับในละครเรื่อง เลือดข้นคนจาง เป็นอย่างไร
ในเรื่องรับบทเป็นก๋วยเตี๋ยวครับ เป็นคนนะครับ ไม่ใช่อาหาร (หัวเราะ) ในเรื่องก๋วยเตี๋ยวเป็นหลานรักของอาม่า (เล็ก-ภัทราวดี มีชูธน) อาม่าเป็นคนเลี้ยงดู อยู่กับอาม่ามาตั้งแต่เด็ก เพราะก๋วยเตี๋ยวกำพร้าพ่อแม่ แอบเกร็งๆ ตอนที่การแสดงครั้งแรกก็ต้องเล่นกับครูเล็กอยู่นะครับ แต่เราต้องเข้าบทกันบ่อย ครูเล็กก็พาไปกินข้าว คุยกัน ทำความรู้จักกัน ทลายกำแพงในใจผมก่อน เหมือนเป็นอาม่ากับหลานกันจริงๆ
ส่วนคาแร็กเตอร์ของก๋วยเตี๋ยว จะมีความเป็นเด็กอยู่เยอะนะ มีความไฮเปอร์ ชอบเอ็นเตอร์เทนคนในครอบครัว ชอบทำให้คนรอบข้างมีความสุข น่าจะเป็นเด็กที่เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ดี เลยอยากส่งต่อความสุขให้กับคนรอบข้าง และพี่ๆ ทีมเขียนบทเขาบอกว่าบทของก๋วยเตี๋ยวอ้างอิงจากผมเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์เลย
แล้วมีฉากหนึ่งที่ผมชอบมาก เป็นฉากที่เปิดเพลงคลาสสิกแล้ววาดรูปไปด้วย โดยรวมแล้วผู้กำกับ (ย้ง ทรงยศ) บอกว่าออกมาดูดีมาก ได้ภาพเหมือนแบบที่คิดไว้เลย (แล้วปอร์เช่วาดรูปเป็นไหม?) ผมวาดรูปไม่เป็น (หัวเราะ) ก็ระบายไปมั่วๆ เลย ตามอารมณ์ศิลปิน

ในพี่น้อง 9 คน ปอร์เช่อยากลองเล่นเป็นตัวละครไหนมากที่สุด
ผมอยากเล่นเป็นเวกัสครับ บทของพี่เจมส์ (ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ) เวกัสเป็นตัวละครที่ฉลาดนะครับ เหมือนสมองของเขาเป็นคอมพิวเตอร์ ทุกอย่างเป็นเหตุเป็นผล มีตรรกะเป็นของตัวเอง มันน่าดึงดูดนะ น่าลองเล่นดูนะ คาแร็กเตอร์นิ่งๆ ไม่เหมือนกับบทก๋วยเตี๋ยวของผมเลย
ร่วมงานกับพี่ย้ง ทรงยศ เป็นอย่างไรบ้าง
โหดร้ายครับ โหดร้าย (เสียงเศร้าๆ) พี่ย้งเขาเก็บรายละเอียดทุกเม็ดจริงๆ ถ่ายย่อยหลายครั้ง หลายกล้อง แล้วเราต้องเล่นให้อารมณ์ได้แบบเดิมทุกครั้ง ต้องเล่นเหมือนครั้งแรกทุกครั้ง และมันมีฉากที่ต้องใช้ร่างกายอยู่ด้วย เหนื่อยเอาเรื่องเลย
ความเปลี่ยนแปลงของปอร์เช่ตั้งแต่เข้ามาโปรเจ็กต์ 9x9 คืออะไร
เยอะเลยครับ ทั้งในเรื่องความคิด ทัศนคติต่อตัวเองและการทำงาน วิธีการทำงานที่เข้าใจการทำงานแบบมืออาชีพ วินัย หลายๆ อย่างเลยครับ ความตั้งใจกับเป้าหมายที่มันชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ คงเป็นเพราะอายุที่โตขึ้นด้วย เป็น 1 ปี ที่ผมเติบโตแบบก้าวกระโดดมาก วันแรกๆ ผมยังอัดวิดีโอตอนเรียนเต้นของเพื่อนๆ ทุกคนไว้อยู่เลย ทุกคนเปลี่ยนไปเยอะมาก ทั้งท่าทางการเต้น เทคนิค สีหน้าท่าทาง แววตา ผมว่าผมหล่อขึ้นด้วยนะ (หัวเราะ)
มองอนาคตตัวเองในวงการบันเทิงอีก 5 ปี เป็นอย่างไร
ผมคงมาทางสายเพอร์ฟอร์แมนซ์ ร้องกับเต้นนะ และคงเป็นคนที่มีคาแร็กเตอร์ชัดมากคนหนึ่งในวงการบันเทิง มีคนจดจำเราได้ ได้ทำในสิ่งที่ผมรัก และมีคนยอมรับในผลงานของเรา