Sugar Mama – ศรัณย์รัชต์ ดีน คุณแม่มือใหม่ ในค่ายเพลงคุณแม่สายเปย์

28.01.19 408 views

ภาพลักษณ์ใหม่และสีสันที่สดใสแปลกตาในมิวสิกวิดีโอเพลง ‘สวัสดีครับ’ ที่ฉุดยอดวิวในยูทูบขึ้นหลักล้านภายในเวลาอันสั้นบวกความเซ็กซี่เล็กๆ ในชุดซีทรูบางๆ ของเธอในมิวสิกวิดีโอ ‘ทางตัน’ ซิงเกิ้ลใหม่ล่าสุด ทำให้เราเห็นลุคที่ดูแตกต่างในอีกมิติ

แค่ได้ข่าวว่าเธอหวนกลับสู่วงการเพลงอีกครั้ง เราก็เห็นประโยคเช่น “ลิเดียกลับมาทวงตำแหน่งเจ้าแม่อาร์แอนด์บีคืน” ปรากฏตามสื่อทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ‘ลีเดีย-ศรัณย์รัชต์ ดีน’ มีผลงานอัลบั้มของตนเองครั้งสุดท้ายเมื่อราว 11 ปีแล้ว ก่อนก้าวออกจากสังกัดมาทำงานเพลงอิสระโปรเจ็กต์พิเศษ แสดงและร้องเพลงประกอบละคร จนเมื่อมีความพร้อม เธอจึงประกาศการทำเพลงใหม่ของตนเอง ภายใต้ค่ายเพลงของตนเอง

ลีเดียวันนี้ไม่เพียงเป็นศิลปินเจ้าของลิขสิทธิ์ผลงานเพลง หากเธอยังเป็นแม่ของลูกชายวัย 2 ขวบเศษ และเป็นแขกพิเศษของ Hamburger ฉบับนี้   

“เห็นหุ่นอย่างนี้ ความจริงแล้วเดียออกกำลังกายตั้งแต่ก่อนและตอนท้อง มันก็เลยเข้ารูปได้เร็ว” เธอเปรยให้ฟังเรื่องสัดส่วนรูปร่างก่อนเข้าสู่การสนทนา “ก่อนคลอดเดียน้ำหนักขึ้นไป 13 กิโลฯ ค่ะ พอคลอดแล้ว ภายใน 2 อาทิตย์น้ำหนักลดลงมา 2 กิโลฯ จากนั้นก็ทยอยลดลงมาอีกเรื่อยๆ แต่ยังไงร่างกายก็ไม่เหมือนเดิมร้อยเปอร์เซ็นต์”


ลีเดียใช้วิธีอะไรในการลดน้ำหนักหลังคลอด

ช่วง 2 อาทิตย์แรกเดียไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ เดียให้น้ำนมลูกอย่างเดียว มันเป็นการเผาผลาญที่ดีที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะทานอะไรเยอะแค่ไหนมันก็จะกลายเป็นน้ำนมให้ลูกหมดเลย ฉะนั้นถ้าขยันให้นมลูกน้ำหนักก็จะลดลงเร็วมาก (หัวเราะ)


ต้องออกกำลังกายด้วยไหม

ออกกำลังกายด้วยค่ะ แต่ต้องทิ้งช่วงนิดหนึ่ง เพราะว่าเดียผ่าท้องคลอด หมอแนะนำว่าควรออกกำลังกายหลังจากคลอดแล้วราว 6 อาทิตย์ แต่ 2-3 อาทิตย์หลังคลอดเดียก็ออกกำลังช่วงแขน อะไรที่ไม่เกี่ยวกับท้องค่ะ


ให้นมลูกเองใช่ไหม

ใช่ค่ะ เดียให้จากเต้าและใช้วิธีปั๊มเอาด้วย เพราะเดียไม่ได้หยุดงาน ทำงานตลอดหลังจากคลอด ภายในเดือนหนึ่งเดียก็มีหนังสือออกมาแล้ว และก็ออกงานด้วย


ลีเดียเลี้ยงลูกอย่างไร

ค่อนข้างฟรีสไตล์นะ เดียอยากให้เขาเป็นตัวของตัวเอง ไม่ได้ยัดเยียดอะไร ไม่ใช่จะต้องพาลูกไปเรียนแบบนั้นแบบนี้ แต่จะดูว่าเขาชอบอะไร เขามีความสนใจอะไร หรือมีความสุขกับอะไรมากกว่า แล้วก็จะสนับสนุน พาเขาไป ในชีวิตประจำวันก็คือเดียเป็นเวิร์กกิ้งมัมต้องทำงานไปด้วย เลี้ยงลูกไปด้วย งานไหนที่หอบลูกไปด้วยได้ก็จะหอบลูกไปด้วย (หัวเราะ) งานไหนที่ลูกไปด้วยไม่ได้ พี่แมท (แมทธิว ดีน) ก็จะพาลูกไป ถ้าทั้ง 2 คนไม่สามารถ ทั้งคู่ต้องทำงานพร้อมกัน ลูกก็จะอยู่กับคุณย่าหรือคุณยายค่ะ


พูดคุยกับแมทธิวก่อนไหมว่าจะเลี้ยงลูกกันอย่างไร

ไม่ค่ะ เดียกับพี่แมทไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องการเลี้ยงเด็กมาก่อนที่เราจะมีลูก คือไม่มีเพื่อนที่มีลูก หรือใช้ชีวิตกับคนที่มีลูก ค่อนข้างใหม่มากสำหรับเราทั้งคู่ ก็เลยเหมือนไม่รู้ว่าเราจะคาดหวังอะไร จะต้องทำอะไรอย่างไรบ้าง เราเลยลองผิดลองถูกกัน และมีคำแนะนำจากคนรอบตัว ที่สำคัญคือคุณแม่ของเดียนี่แหละค่ะที่คอยให้คำแนะนำ


ช่วงใหม่ๆ เป็นกังวลเรื่องอะไรบ้างเกี่ยวกับลูก

จริงๆ ก็กังวลตั้งแต่ตอนคลอดได้ไม่ถึงวันแล้ว มันมีเรื่องให้ต้องกังวลเยอะแยะมากมายในทุกขั้นตอนการเลี้ยงลูก ตั้งแต่คลอดลูกเลยน้ำนมเดียไม่มี ลูกถึงขั้นฉี่ออกมาเป็นหยดเลือดน่ะค่ะ คือเป็นภาวะที่น้ำไปเลี้ยงร่างกายเขาไม่พอ ในขณะที่เราตั้งใจไว้ว่าจะให้ลูกกินนมแม่อย่างเดียว ไม่อยากให้กินนมผง หมอเลยแนะนำว่าถ้าน้ำนมเดียไม่มาก็ต้องใช้นมผงแล้วล่ะ เดียก็เครียด ร้องไห้ ลูกก็ปากลอก เพราะแห้ง ไม่มีน้ำในร่างกาย นั่นล่ะค่ะ มันมีเรื่องให้กังวลตั้งแต่วันแรกที่ลูกคลอดมาเลย

หลังจากนั้นก็ต้องคอยดูพัฒนาการของเขาว่าโอเคไหม ลูกอึหรือยัง ลูกไม่อึ 3 วันแล้ว ตายแล้ว…ทำอย่างไรดี ลูกจะกินอะไร ถ้าไม่กินอย่างนี้ โอ๊ย…ลูกปวดฟัน ฟันลูกจะขึ้นแล้วทำอย่างไรดี ต้องหาอะไรเย็นๆ ไปให้เขากัดไหม คือมันมีเรื่องให้ต้องกังวลในทุกขั้นตอนเลยค่ะ


ดีแลนเป็นเด็กอย่างไร

ซนมาก (หัวเราะ) ตอนนี้ซนมาก เขาเรียกว่าเป็นวัย Terrible Twos พอ 2 ขวบปุ๊บเขาจะเริ่มรู้เรื่อง เริ่มมีความคิดเป็นของตัวเอง เริ่มรู้ว่าจะต้องพูดอะไรอย่างไร เขาเริ่มจำ เริ่มซึมซับเยอะ และเป็นเด็กผู้ชายที่ซน แอ็กทีฟ แต่ก็ชอบอ้อน แล้วขอบอกเลยว่าเจ้าชู้ตั้งแต่เด็กเลยค่ะ (หัวเราะ) คือเห็นสาวๆ ไม่ได้ถ้าเป็นเด็กรุ่นเดียวกันก็จะวิ่งเล่นอยู่กับสาวๆ ชอบไปจับมือเขา เอาของไปแบ่งให้ ทำตัวอ่อนโยน น่ารัก

เมื่อเร็วๆ นี้เพิ่งไปแต่งพี่กันต์ กันตถาวร พอเข้าไปในงานแล้วไม่ยอมให้ใครจับตัว ไม่เล่นด้วย พอเจอใหม่ ดาวิกา กับมินต์ ชาลิดา เท่านั้นแหละ ยอมให้อุ้ม เอาขนมไปป้อนปากเขาด้วย พอไปจูบปากเขาแล้ววิ่งกลับมาหาแม่ ทำหน้าเขิน ร้ายมาก ร้ายตั้งแต่เด็ก (หัวเราะ) แต่ก็เป็นเด็กฉลาดนะคะ แอ็กทีฟ ชอบทำกิจกรรม ชอบเล่นกีฬากับพ่อ ไปวิ่ง และจริงๆ เขาก็ชอบฟังเพลงนะ เขาดูจากยูทูบ เวลามีเพลงอะไรที่เขาเคยฟังบ่อย เขาก็จะร้องตามได้ โยกตัวตาม


ลูกสนิทกับใครมากกว่ากันระหว่างแมทธิวกับลีเดีย

เขาก็สนิทหมดทุกคนนะคะ แต่ถ้าถามว่าติดใคร ดีแลนจะติดเดียมากกว่า เคยได้ยินมาว่าถ้าลูกชายจะติดแม่ แต่ถ้าเป็นลูกสาวจะติดพ่อ เรายังไม่มีลูกสาวเลยยังไม่รู้ แต่เคยได้ยินเขาพูดกันอย่างนั้น


คิดจะมีลูกเพิ่มอีกไหม

อยากมีค่ะ คือพี่แมทน่ะเป็นลูกคนเดียว เคยบอกว่าเขาเหงา อยากมีพี่มีน้อง เวลาคิดหรือทำอะไรจะได้มีเพื่อนเหมือนเป็นทีม เขาเลยอยากจะมีลูกอีก และมีอีก 4 คน อันนี้ถามภรรยาหรือยังคะคุณแมทธิว ดีน (หัวเราะ)  


ใจจริงลีเดียอยากมีลูกกี่คน

ถ้าได้ลูกชายกับหญิงเดียก็โอเคค่ะ แต่ถ้าคนที่ 2 เป็นผู้ชาย เดียก็อยากจะมีอีกคนหนึ่ง จนกว่าจะได้ผู้หญิง (หัวเราะ) 


พอมีลูกแล้ว ลีเดียมีอุปสรรคในการทำงานบ้างไหม

ก็มีเป็นบางอย่างค่ะ คือด้วยสถานะที่มันเปลี่ยน รูปแบบของงานก็อาจจะเปลี่ยน และจะไม่ค่อยมีเวลาสำหรับตัวเองมาก อย่างเช่นเดี๋ยวนี้ถ้ามีงาน เราจะไม่สามารถไปซ้อม ไปเรียน หรือเตรียมตัวอะไรได้เยอะ เพราะว่าเวลาที่เหลือจริงๆ เดียจะเหลือไว้ให้ลูก เราก็จะมีเวลาที่เป็นแบบครอบครัว เวลาทำงาน แล้วเวลาของตัวเองก็จะน้อยลงมากๆ จากแต่ก่อนที่ไม่มีลูก

มันก็เป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งที่เหมือนกับว่าเราต้องแบ่งเวลาให้ดีขึ้น อีกอย่างเรื่องสุขภาพ เราจะนอนน้อยกว่าเดิมมาก เพราะลูกยังตื่นนอนตอนกลางคืนอยู่ เราต้องเลี้ยงเขาด้วย และเราต้องทำงานด้วย แต่ต้องไม่โทรมนะ เพราะเราต้องทำงานตลอดเวลา ฉะนั้นต้องวางแผนชีวิตให้ดี และต้องดูแลตัวเองให้มากกว่าเดิมค่ะ


ตอนนี้ลีเดียออกมาทำเพลงและค่ายเพลงเองแล้วใช่ไหม

จริงๆ เดียคิดว่าเรื่องงานเพลงเป็นสิ่งที่เราถนัดที่สุดแล้ว เดียเริ่มต้นเดินบนเส้นทางวงการบันเทิงมาด้วยการเป็นนักร้อง มีช่วงหนึ่งเดียได้ลองทำอย่างอื่นบ้าง อย่างเล่นละคร มีโอกาสได้อยู่ในหลายๆ ส่วนของวงการ แต่พอห่างหายไป 11 ปีปุ๊บ ด้วยอะไรหลายๆ อย่างที่ทำให้…การที่ไม่มีค่าย ทำให้เราไม่มีผลงานเพลงเป็นของตัวเอง คือเราไม่ได้หายไปเสียทีเดียว ยังมีทำเพลงละคร มีโปรเจ็กต์พิเศษ แต่ว่างานเพลงที่เป็นของเราเองจริงๆ ที่เราร่วมคิด ร่วมครีเอตนั้น เดียไม่มีมา 11 ปีแล้ว

พอมาถึงจุดๆ นี้ เดียรู้สึกว่าถ้าเราไม่ทำตอนนี้ก็ไม่รู้จะได้ทำอีกเมื่อไหร่ และจุดสปาร์กที่ทำให้เดียได้กลับมาทำใหม่จริงๆ มาจากการเป็นหน้ากากซูโม่ (รายการ The Mask Singer 2) ตอนนั้นเดียรู้สึกว่าเวลาเราร้องเพลงแล้วมันทำให้คนมีความสุข เราก็มีความสุขด้วย งั้นเรากลับมาทำเพลงอีกสักครั้งหนึ่งแล้วกัน

แต่ 11 ปีที่ผ่านมาอะไรๆ เปลี่ยนไปเยอะ เดียเคยอยู่ตั้งแต่ยังเป็นเทป เป็นซีดี จนกระทั่งตอนนี้มันเปลี่ยนเป็นดาวน์โหลด ออนไลน์ เป็นสตรีมมิ่งหมดแล้ว เราต้องปรับตัวให้ทัน เพราะมันเป็นยุคใหม่แล้ว เป็นยุคที่เราต้องทำทุกอย่างให้มันเป็นดิจิทัล ให้มันออนไลน์ได้แล้ว เราก็ต้องเรียนรู้ กว่าจะหาประสบการณ์ กว่าจะได้คำแนะนำดีๆ กว่าจะฟอร์มทีมได้เพื่อที่จะมาทำ ก็ต้องใช้เวลานานมาก แต่ท้ายที่สุดแล้วเราได้ฟอร์มทีมเป็นค่ายเพลงเล็กๆ ของเดียเอง ก็คือ Sugar Mama Records ได้ทำเองในทุกขั้นตอน ตั้งใจมาก และก็ภูมิใจ พยายามทำให้มันออกมามีคุณภาพมากที่สุดค่ะ


ลีเดียเคยมีปัญหากับค่ายหรือสังกัดที่เคยอยู่ใช่ไหม

ปัญหากับค่ายเพลง สิ่งที่เดียเจอมากับตัวเองคือลิขสิทธิ์เพลงของเราจะไปอยู่กับค่าย อย่างการทำงานของเดียตอนนี้ เดียไม่สามารถร้องเพลงเก่าๆ ที่เดียเคยร้องได้เลย การทำงานของเดียเลยยาก มันเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เราท้อและรู้สึกว่าในเมื่อเราไม่มีเพลงให้ร้อง แล้วเราจะร้องเพลงต่อไปทำไม หรือเราจะกลายเป็นนักร้องที่ร้องแต่เพลงคนอื่น แล้วตัวตนของลีเดียคืออะไร มันจะมีความรู้สึกแบบนี้แหละค่ะ ทำให้เราคิดว่างั้นเราไม่ร้องเพลงเลยดีกว่า

จนกระทั่งมาถึงวันนี้ที่รู้สึกว่าเราได้พลังอะไรบางอย่างกลับมา มันจุดไฟให้เราอีกครั้งหนึ่งว่า เราจะทำ เราจะกลับมาลุย ทำมันเอง และไปทีละขั้นตอนเลย เราจะทำตั้งแต่การขึ้นโครงเพลง การวางเนื้อหาของเพลงแต่ละเพลง จนครบหนึ่งอัลบั้ม แล้วหนึ่งอัลบั้มนี้เราจะทำอะไรกับมันต่อ เราต้องค่อยๆ มานั่งวางแผนเองค่ะ และลิขสิทธิ์เพลงก็เป็นของเรา (หัวเราะ)


ตอนนี้ลีเดียมีเพลงครบอัลบั้มแล้ว เหลือแค่เลือกปล่อยเพลงเป็นซิงเกิ้ลออกมาถูกไหม

ใช่ค่ะ เดียทำอัลบั้มเต็มเลย แล้วค่อยๆ ปล่อยเป็นซิงเกิ้ลออกมาทีละเพลง เดียรู้สึกว่ากว่าจะได้มาเป็นหนึ่งเพลงมันไม่ง่ายเลย กว่าจะขึ้นโครงเพลง กว่าจะเลือกเครื่องดนตรีแต่ละชิ้น กว่าจะคิดคอนเซ็ปต์เพลง กว่าจะหาเนื้อเพลงที่ลงตัวเพื่อทำเมโลดี้ให้มันเพราะ มันใช้เวลานานมาก ก็เลยอยากจะค่อยๆ ปล่อยทีละเพลง และมีมิวสิกวิดีโอที่ดีๆ ออกมา ตอนนี้เดียเพิ่งปล่อยซิงเกิ้ลที่ 2 ไปพร้อมกับมิวสิกวิดีโอ 


การเอาตัวรอดของค่ายเพลงในความเห็นของลีเดียเป็นอย่างไร

ถ้าเป็นค่ายเพลงของเดียเอง ก่อนอื่นเดียจะเป็นศิลปินเบอร์แรกและเบอร์เดียวของค่ายไปก่อน หลายคนก็ถามว่าทำค่ายเพลงแล้วจะมีศิลปินเบอร์อื่นด้วยไหม เดียก็บอกว่าอันนั้นเป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้ขอเอาตัวเองให้รอดก่อน (หัวเราะ) เพราะเราค่อนข้างใหม่มาก ในค่ายก็มีคนทำงานไม่กี่คน เราไม่ได้เป็นองค์กรใหญ่ที่จะมีแผนกต่างๆ สำหรับงานแต่ละส่วนของการทำค่ายเพลง แต่ละแผนกของเราก็จะมีลีเดีย ลีเดีย ลีเดีย และลีเดีย (หัวเราะ) เป็นคนทำงาน และอาจจะมีคนช่วยแบบหนึ่งคนต่อหนึ่งหน้าที่ มันยังเป็นการรวมตัวกันที่ไม่ได้มีหลายคนมาก แต่สามารถทำงานได้เหมือนค่ายเพลงค่ายหนึ่งค่ะ

มันก็ลำบากตรงที่ว่าต้นทุนทุกอย่างเราลงเองหมด อันนี้ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ตั้งชื่อค่ายว่า Sugar Mama Records ซึ่งซูการ์มาม่ามันมาจากคำสแลงของคำว่า Sugar Daddy ที่แปลว่า ‘ป๋า’ ป๋าสายเปย์ (หัวเราะ) แต่เราเป็นผู้หญิง ก็ต้องเป็นซูการ์มาม่า เราลงทุนทำเองตั้งแต่การสร้างสรรค์ คิดคอนเซ็ปต์ทุกอย่างของอัลบั้ม และเรื่องเงินเราลงทุนเองด้วย ก็เลยเป็นสายเปย์ (หัวเราะ)


มองภาพรวมของสิ่งที่กำลังทำอยู่แล้วคิดว่าจะคุ้มไหม

คุ้มไหม อันนี้ต้องดูกันอีกที แต่เดียคิดว่ามันคุ้มกับตัวเราตรงที่ว่าเราได้ทำในสิ่งที่เรารัก เรารู้สึกว่าเราเกิดมาเพื่อทำสิ่งนี้ และถ้าไม่ใช่ตอนนี้ก็คงไม่ได้ทำอีกแล้ว เดียคิดว่าอัลบั้มนี้อาจจะเป็นอัลบั้มสุดท้ายของเดียก็ได้ในเรื่องของงานเพลง คือถ้าลองคิดดูว่าเดียมีลูกแล้วหนึ่งคน ถ้าวันไหนมีลูก 2 คนขึ้นมา เดียจะทำงานอย่างไร มันก็ลำบากนิดหนึ่ง เดียเลยคิดว่าต้องทำตอนนี้ และถ้ามีลูกคนที่ 2 หรือที่ 3 เดียคงต้องทิ้งช่วงในเรื่องของงานเพลงค่ะ


ปกซิงเกิ้ลเพลงที่ 2 ลีเดียถ่ายค่อนข้างเซ็กซี่ใช่ไหม

เพลงที่ 2 ชื่อว่า ‘ทางตัน’ ซึ่งพูดถึงเรื่องราวความรักของคน 2 คนที่มันเดินมาถึงจุดๆ หนึ่งแล้วก็ต้องแยกทางกัน มันเป็นเพลงที่ค่อนข้าง Emotional เราก็วางคอนเซ็ปต์เป็นภาพขาว-ดำ อาจจะไม่ได้มีเรื่องราวอะไรมาก แต่เน้นอารมณ์ของภาพ และมู้ดแอนด์โทนก็จะมีการเปลี่ยนสีผมเป็นบลอนด์หมดเลย เพราะภาพเป็นขาว-ดำ เพื่อให้มันดูเด่นขึ้นมา ส่วนเรื่องเสื้อผ้า ก็ต้องติดตามดู จะมีการเผา (หัวเราะ) มีการใช้ไฟ


แมทธิวอนุญาตให้เซ็กซี่ได้เหรอ

(หัวเราะ) พี่แมทอนุญาต บอกว่าเต็มที่ไปเลย


เซ็กซี่ได้แค่ไหน

บอกใบ้เกี่ยวกับเนื้อหาของเพลงให้นิดหนึ่งว่าเวลาคนเราเดินมาถึงทางตันที่ต้องแยกทางกันแล้ว ความสัมพันธ์ในความรักจะไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ก็คือ…ไม่เหลืออะไรแล้วน่ะ (หัวเราะ)


ลีเดียเคยให้สัมภาษณ์ครั้งหนึ่งว่าการเป็นศิลปินไม่มีสังกัดค่อนข้างอยู่ยาก ตอนนี้มีค่ายเพลงเป็นของตัวเองแล้ว ยังคิดอย่างนั้นไหม

ยากค่ะ เพราะว่าการเป็นศิลปินบันเทิง จากแต่ก่อนที่เคยมีค่าย เรามีหน้าที่แค่ออกไปทำงานและทำให้ดีที่สุดเท่านั้น แต่เราไม่ได้คิดว่าพอหลังจากกระบวนการนี้เสร็จแล้ว เราจะต้องทำอะไรต่อกับเพลง การยิงเพลงนี้ไปถึงผู้ฟังหรือผู้ชมต้องทำอย่างไร แล้วต้องบริหารต้นทุน งบทุกอย่าง อะไรอย่างไรบ้าง คือมันมากกว่าการเป็นงานศิลปะ เพราะมันมีธุรกิจเข้ามาด้วย ฉะนั้นต้องดูแลทั้งสองฝั่งให้ไปด้วยกันได้ มันก็ยาก และเหนื่อยกว่ากันหลายเท่าเลย แต่รู้สึกภูมิใจ และมันได้งานที่เราเป็นเจ้าของจริงๆ   


ช่วง 11 ปีที่ผ่านมาลีเดียเอาตัวรอดในวงการอย่างไร

ความจริงเดียก็ไม่ได้หายไปเลย เดียยังมีผลงานเพลงอย่างที่บอก แต่ด้วยอะไรหลายๆ อย่างทำให้เราไม่สามารถทำอัลบั้มของตัวเองออกมาได้ ก็เลยเน้นเป็นซิงเกิ้ล โปรเจ็กต์พิเศษ ค่อยๆ ทำไปทีละเพลงๆ และได้ไปทำงานแสดงละครบ้าง แต่ใจจริงเดียก็ยังอยากจะกลับมาทำเพลงอยู่ดี

11 ปีที่เดียห่างหายไป มันเป็นช่วงเวลาที่วงการเพลงไทยปรับตัวเยอะมาก ด้วยเทคโนโลยี ด้วยวิธีการฟังเพลงของคน ผู้บริโภคไม่เหมือนเดิมมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งตอนนี้เดียรู้สึกว่ามันเริ่มที่จะนิ่งขึ้น พอเข้าใจทิศทางในการไป เพราะว่าช่วง 11 ปีที่ผ่านมามันเปลี่ยนไปเยอะมากก่อนหน้านั้นอินสตาแกรมมา เฟซบุ๊กมา ยูทูบมา การดาวน์โหลด MP3 มา Joox มา สตรีมมิ่งมา…คือมันมีอะไรที่ Top Up ขึ้นมาหลายอย่างมาก เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ เราเองก็จับทางไม่ถูก เราต้องสังเกตการณ์แล้วว่ามันเป็นอย่างไร


ในฐานะเจ้าของค่ายเพลง ลีเดียพอจะพูดเล่าได้ไหมว่าขั้นตอนการทำธุรกิจค่ายเพลงของตัวเองเป็นอย่างไร

ตอนแรกเดียไม่เข้าใจเลยว่าต้องทำอย่างไรบ้าง แต่จริงๆ แล้วก็มีองค์ประกอบหลักๆ อยู่แค่ไม่กี่อย่าง อย่างที่หนึ่ง-ในส่วนของ Creativities ก็คือโปรดักชั่น ในเรื่องของตัวเพลงเอง และงานภาพ อย่างที่สอง-คือการ Distribution หมายถึงการนำชิ้นงานนี้ไปจำหน่ายจ่ายแจกอย่างไรให้ถึงผู้บริโภค อย่างที่สาม-คือพีอาร์และมีเดีย จะโปรโมตเพลงอย่างไร อย่างที่สี่ที่เราต้องมีคือโปรโมเตอร์ คนที่ดูแลภาพรวมของทุกอย่าง ทุกขั้นตอนตั้งแต่คอนเซ็ปต์ของเพลงจนถึง Distribution ว่าจะทำอย่างไร จะต้องหาสปอนเซอร์เข้ามาไหม มันมีรายละเอียดหลายอย่างมาก ซึ่งต้องบอกเลยว่าเดียทำคนเดียวคงไม่ได้ เดียมีทีมงานอยู่แค่ไม่กี่คน ที่ฟอร์มกันเป็นค่ายเพลงนี้


งานเพลงที่เป็นสินค้าตอนนี้ออกมาเป็นแผ่นซีดีอย่างเดียวไม่ได้แล้วใช่ไหม

ไม่ได้แล้วค่ะ คือจากยุคที่เราเคยทำเป็นเทป เป็นซีดีออกมา เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แล้ว ทุกอย่างออนไลน์หมดแล้ว มันอยู่ที่การคลิกดาวน์โหลดเข้ามา เดี๋ยวนี้มันไม่ใช่แค่ MP3 ด้วยซ้ำ มันเป็นการสตรีมมิ่ง ซึ่งเราก็เพิ่งเข้าใจว่ามันเป็นอะไร เราต้องตามโลกให้ทัน


ส่วนตัวลีเดียยุ่งเกี่ยวกับโซเซียลมีเดียเยอะไหม

โอ้…แน่นอนค่ะ โซเซียลมีเดียเป็นอะไรที่ปัจจุบันมันอยู่ในชีวิตของทุกคน เป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ (ยิ้ม) จริงๆ มันเป็นแพลตฟอร์มหนึ่งที่เราสามารถจะเอาผลงานของเราไปให้แฟนๆ ได้ฟังได้เห็น


ลีเดียมองวงการเพลงไทยตอนนี้อย่างไร

ความจริงเดี๋ยวนี้มันก็ดีขึ้นเยอะนะคะ คือแต่ก่อนเราไม่มีองค์กรที่ดูแลเรื่องลิขสิทธิ์ให้เรา ไม่มีคนดูแลหรือคุ้มครองผลประโยชน์ของคนที่แต่งเพลง คนที่อยู่เบื้องหลัง แต่เดี๋ยวนี้จะมีองค์กรที่ตั้งตัวขึ้นมา แล้วคอยดูแลทุกอย่างในเรื่องลิขสิทธิ์ของคนทำงาน ซึ่งดีมาก แต่ก่อนอาจจะมองข้ามกัน


การเข้าถึงผลงานเพลงเก่าๆ ที่ลีเดียเคยร้องไว้ ตอนนี้ยากหรือง่าย

คงหาฟังกันได้ตามแพลตฟอร์มของค่ายเพลงเก่าของเดียค่ะ แต่ถ้าถามว่าเดียจะเอาเพลงเหล่านั้นไปร้องได้ไหม ไม่ได้ค่ะ เพราะถึงแม้ว่าเราจะเคยร้องไว้ แต่มันไม่ใช่ลิขสิทธิ์ของเรา


แล้วถ้าต้องการจะนำมาร้องอีกครั้ง การขอลิขสิทธิ์ทำได้ไหม

Impossible (หัวเราะ) 


ค่ายเพลงของลีเดียจะเป็นอย่างนั้นด้วยหรือเปล่า

ค่ายของเดียไม่ค่ะ ตอนนี้เดียมีศิลปินแค่เดียคนเดียว แต่ถ้าเรามีศิลปินคนอื่นด้วย เดียคิดว่าเรามีความแฟร์อยู่แล้วในเรื่องของเพลง ของเมืองนอกเขาทำอย่างไร บ้านเราก็น่าจะทำอย่างนั้น เพราะว่ามันคือระบบที่เป็นมาตรฐานของทั่วโลก ซึ่งจริงๆ บ้านเราก็เดินไปในทิศทางนี้อยู่แล้ว คือมันดีกว่าเดิมเยอะมาก


ลีเดียยังทำให้กับต่างประเทศอยู่ไหม

ยังทำอยู่เรื่อยๆ ค่ะ แต่ด้วยความที่มีลูกแล้ว ก็จะเดินทางไปไกลๆ นานๆ ไม่ได้ เดียเลือกเฉพาะในละแวกเอเชีย ใกล้ๆ เดินทางไม่เหนื่อยมาก


เล่าเรื่องชีวิตประจำวันของลิเดียให้ฟังหน่อยได้ไหม ในแต่ละวันทำอะไรบ้าง

(หัวเราะ) ถ้าเล่าตั้งแต่กลางคืนก็…กลับบ้านหลังจากทำงานเสร็จปุ๊บ ก็ต้องจัดการตัวเองก่อน อาบน้ำให้เรียบร้อย แล้วจับลูกอาบน้ำ กินข้าว แต่งตัวพร้อมเข้านอน แปรงฟัน อ่านหนังสือ ดูการ์ตูน หรืออะไรก็แล้วแต่ คือมีเวลาอยู่กับเขา พอลูกเข้านอนปุ๊บ เขาจะปลุกเราตอนกลางคืน “หม่ามี้กินนม หม่ามี้กินนม” เราไม่เคยได้นอนยาวเลย ตั้งแต่มีลูกมาไม่เคยได้นอนยาวกว่า 4 ชั่วโมง พอลูกตื่นมาเราก็จะชงนมให้ลูกกิน กินเสร็จเขาก็นอน แล้วเขาจะตื่นขึ้นมาอีกรอบ “หม่ามี้กินนม” กินอีกแล้ว (หัวเราะ) เราก็ต้องตื่นมาชงนมให้เขาอีกรอบหนึ่ง กินประมาณ 2 รอบต่อคืน

ตื่นเช้ามา กาแฟแก้วแรกของเรา และลูกก็ต้องกินข้าว ต้องหาข้าวให้ลูก โชคดีที่เดียมีพี่เลี้ยงคอยช่วยด้วย เตรียมข้าวให้ลูก ซึ่งลูกเดี๋ยวนี้พออายุ 2 ขวบปุ๊บ เรื่องมากทันทีค่ะ มีเลือกด้วยว่าหนูจะกินแค่ข้าวต้มเท่านั้น ถ้าไม่กินก็คือแหวะ เขาจะคายออก เราก็ต้องเลือกสิ่งที่เขาชอบให้เขาทานเตรียมไว้ ถ้าเขาไม่ชอบอย่างนี้ เราต้องมี Plan B เตรียมไว้ แล้วถ้าเขาไม่ชอบ Plan B อีก เราก็ต้องคิดแล้วว่า Plan C คืออะไร แต่ลูกจะเป็นคนประเภทถ้าชอบอะไรแล้วจะกินซ้ำๆ ได้เป็นอาทิตย์ กินจนกว่าจะเบื่อ

หลังจากนั้นเราก็จะออกไปทำงาน ถ้าวันไหนพี่แมทว่าง ลูกก็จะอยู่กับพี่แมท แต่ถ้าพี่แมทไม่ว่าง ลูกก็จะอยู่กับคุณยายหรือพี่เลี้ยง หรือว่าถ้าเดียสามารถพาลูกไปทำงานด้วยได้ เดียก็จะหอบลูกไปด้วย ชีวิตก็มีอยู่แค่นั้นแหละค่ะ ทำงานๆ แล้วก็กลับบ้าน แล้วก็เข้า Circle เดิม ไม่มีเวลาไปเจอเพื่อน ไม่มีเวลาไปสปา ทำเล็บ ไม่มีค่ะ (หัวเราะ)


เข้มงวดกับลูกเรื่องไหนบ้างไหม

เดียคิดว่าตอนนี้เป็นเรื่องที่ยังไม่สามารถไป Strict กับเขาได้ เพราะว่าเขายังไม่เข้าใจในอะไรหลายๆ อย่าง แต่เราก็ค่อยๆ สอนเขา คือตราบใดที่ลูกยังทานได้ปกติ เดียเคยคุยกับพ่อแม่หลายคน ถ้าลูกไม่ทานหรือทานยากจะเป็นอะไรที่เครียดมาก แต่เดียโชคดีที่ลูกของเดียทานง่าย เพียงแต่เขาเลือกทานที่เขาชอบ

เดียก็จะห่วงแค่เรื่องความเป็นอยู่ของเขา ในเรื่องระเบียบวินัยเดียคิดว่าจะค่อยๆ สอนเขาไป ถ้าเราไป Strict กับเขามากก็ไม่ได้ เขายังเด็กเกินกว่าที่จะเข้าใจ


ฟังดูเหมือนจะตามใจลูกมากอยู่

ก็ตามใจนะคะ อยากให้เขาเป็นตัวของตัวเอง แต่แน่นอนว่าต้องมีลิมิตด้วย ไม่ใช่ตามใจจนเสียคน

ตอนนี้พี่แมทจะค่อนข้าง Strict และดุมากกว่าเดีย เหมือนที่เขาเรียก Good Cop, Bad Cop น่ะค่ะ คือคนหนึ่งเป็นตำรวจดี กับอีกคนเป็นตำรวจร้าย พี่แมทเขาจะเป็น Bad Cop อันนี้ไม่ได้ (เสียงดุ) แต่แม่โอเค อันนี้ได้ลูก คนละขั้ว สมมติพ่อดุ เขาจะวิ่งมาหาแม่ แต่เวลาที่จะต้องสอนเขาจริงๆ พ่อเขาจะเป็นคนสอน


ดีแลนสนใจอาชีพของแม่กับพ่อบ้างไหม

ไม่แน่ใจค่ะว่าเขาสนใจไหม แต่เขาดูเอ็นจอยทุกครั้งที่พาเขาไปที่ทำงานด้วย ดีแลนเป็นเด็กที่ไม่กลัวเวที เวลาเดียไปซ้อมเขาก็จะวิ่งขึ้นเวทีเลย “หม่ามี้ขึ้น หม่ามี้ไป” เขาเห็นแสงสีเขาก็จะวิ่งไป ไม่กลัวเลย แต่ถามว่าเขาสนใจในอาชีพนี้ไหม เดียว่าเขายังเด็กเกินกว่าที่จะเข้าใจว่ามันคืออาชีพ มันคืออะไร เขารู้แค่ว่าเขาไปที่นั่นแล้วเขาสนุกค่ะ

ดีแลนยังพูดได้แค่เป็นคำๆ ยิ่งเขาเขาพูดสองภาษา ไทยกับอังกฤษ เขาก็อาจจะช้ากว่าเด็กที่เรียนภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษอย่างเดียว ที่บ้านเราคุยทั้งไทยและอังกฤษ เขาอาจจะพูดได้เข้าใจได้ แต่ไม่ถึงกับเข้าใจจนคำถามประเภท หม่ามี้ ทำไมโลกถึงเป็นอย่างนี้ ทำไมผีเสื้อถึงบินได้ ยังไม่ถึงขนาดนั้น อย่างเวลาขับรถผ่านเห็นคนทำกับข้าวที่ข้างถนน เขาจะถามแค่ว่า “พี่ทำอะไร” ต้องบอกเขาว่าทำกับข้าว กินข้าว เขาถึงเข้าใจ


ลีเดียกับแมทธิวแต่งงานกันมากี่ปีแล้ว

เราแต่งกันปี 2015 ค่ะ 3 ปีแล้ว แต่ว่าก่อนหน้านั้นคบกันมาเป็นสิบปีแล้ว อยู่กันมาค่อนหนึ่งแล้ว (หัวเราะ)


ความสัมพันธ์ก่อนแต่งกับหลังแต่งเหมือนกันไหม

เหมือนกันค่ะ มาเปลี่ยนก็ตอนเรามีลูก เพราะพอมีลูกแล้วมันเหมือนมีความรับผิดชอบเพิ่มขึ้น และมันทำให้เราต้องแบ่งเวลาให้ดีขึ้นด้วย อย่างเวลาที่เราอยู่กัน 2 คนเหมือนก่อนที่จะมีลูก ตอนนี้มันแทบจะไม่ค่อยมีเลย เราต้องทำงานด้วย ดูแลลูกด้วย ฉะนั้นเราต้องวางแผนชีวิตให้ดีมากๆ เช่น ช่วงนี้เราจะไปเที่ยวต่างประเทศกันสองคน อันนี้ต้องคุยกับยายก่อน (หัวเราะ) หรือวันนี้หลังจากทำงานเสร็จ ลูกเข้านอนเสร็จ เราไปดูหนังกันไหม คือนานๆ ทีกว่าจะได้มีโอกาส แต่เราก็พยายามแพลนอยู่ให้มันโอเคในทุกส่วน


คาดหวังอะไรกับดีแลนไหมว่าโตขึ้นอยากเห็นเขาเป็นอะไร ไปในทิศทางไหน

เดียคิดว่าคงจะดูว่าเขาชอบอะไร เขาทำอะไรแล้วมีความสุข ทำแล้วมันเป็นเขา เราก็จะสนับสนุนเขาทางนั้น เท่าที่เห็นตอนนี้ก็รู้ว่าเขาชอบแอ็กทีฟ ออกไปวิ่งเล่น แต่อันนี้เดียว่าเป็นเรื่องปกติของเด็กทุกคนอยู่แล้ว พลังเขาเยอะมาก วิ่งรอบศูนย์ประชุมสิริกิติ์ 2 กิโลฯ กับพ่อเขาสบายมาก ให้น้ำแป๊บเดียววิ่งได้อีก 2 กิโลฯ ยังงี้ (หัวเราะ) แล้วเวลาได้ยินเสียงเพลงเขาก็ชอบเต้น สนุก แต่เดี๋ยวคงดูอีกทีว่าเขาโตแล้วจะชอบอะไร


แมทธิวช่วยหรือสนับสนุนเรื่องค่ายเพลงด้วยหรือเปล่า

แน่นอนค่ะ ความจริงเขาก็อยู่ในทุกขั้นตอน เขาเห็นด้วยว่าเดียควรจะทำเพลงของตัวเอง เพราะว่าถ้าเราไม่ทำเพลงของเราเอง เราก็จะไม่มีเพลงร้องเวลาไปเล่นคอนเสิร์ต

เดียน่ะเป็นคนฟุ้ง เราต้องทำเพลงแบบนี้ ภาพจะต้องเป็นแบบนี้ เดียจะจัดเต็มใส่เต็มทุกอย่าง พี่แมทจะคอยท้วง “เดีย…เดี๋ยวก่อน การที่จะทำให้ภาพเป็นแบบนี้ เดียจะต้องใช้ CG (Computer Graphic) แบบนี้ การลงทุนกับ CG จะต้องใช้งบประมาณนี้ แล้วเดียจะเอางบตรงนี้มาจากไหน” (หัวเราะ) เขาจะช่วยตบความฟุ้งของเราให้เป็นเรื่องที่สามารถทำได้จริง ช่วยมองในภาพรวม และให้แนวคิดหลายๆ อย่าง


ผลงานใหม่ของลีเดียแตกต่างจากรูปแบบหรือภาพลักษณ์เดิมๆ ที่เคยเป็นใช่ไหม

ใช่ค่ะ อัลบั้มนี้มีอะไรหลายอย่างที่…เดี๋ยวจะค่อยๆ ปล่อยมาทีละเพลง แล้วจะเห็นว่าลุคแต่ละลุคเปลี่ยนไปทุกเพลง เดียดีใจที่ได้ร่วมงานกับโปรดิวเซอร์หลายคน รู้สึกว่าตัวเองโชคดี เพราะว่าเพื่อนๆ พี่ๆ ผู้ใหญ่ในวงการยังให้ความรักและความอบอุ่นกับเดียมาก ยื่นมือช่วยเหลือทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆ

และเดียยังได้คนเก่งๆ หลายคนมาช่วยงาน อย่างพี่บี พีระพัฒน์, พี่กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่,ไมยราพ (นครินทร์ จรูญวิทยา) หรือพี่เป้ วง Mild (บดินทร์ เจริญราษฎร์) แต่ละคนที่มาช่วยนี่เก่งๆ หมดเลย และทุกคนเต็มใจช่วยทำ อยากให้เราได้มีงานเพลงที่ดีๆ ที่มีคุณภาพออกมา