““ เราต้องยอมรับว่าเราเป็นเว้ย มันทำอะไรหลายๆอย่างไม่ได้เพราะมันป่วย หลายคนไม่เข้าใจ ผู้ใหญ่บางคนก็บอกว่าเราอ่อนแอ เราไม่เข้มแข็ง แต่สุดท้ายแล้วพอเราไปหาหมอ เราพบว่ามันคนละเรื่องกัน ความอ่อนแอกับโรคมันคนละเรื่อง ”— แม็กซ์ ณัฐวุฒิ เจนมานะ”
เคยคิดว่าตัวเองคิดมากเกินไปจนอาจนำไปสู่โรคซึมเศร้าบ้างไหม
ช่วงหนึ่งผมหนักมากเหมือนกัน จนตัดสินใจไปหาหมอ
หมอที่โรงพยาบาลแรกไล่ผมกลับบ้าน ให้ไปหาหมอที่อื่น
เขาช่วยเราไม่ได้ เอ้า…เชี่ย (หัวเราะ) กูจะตายห่าอยู่แล้ว! รักษาไม่ได้คืออะไร ก็เลยไปหาหมอที่อื่น
ซึ่งเขาวิเคราะห์ว่าอีกนิดก็ใกล้จะไบโพลาร์แล้ว หลังจากนั้นผมอยู่แต่ในคอนโดฯ เกือบ 2 อาทิตย์
เพื่อกินยาและปรับสมองตัวเอง ช่วงแรกยาของหมอออกผลมาก เหมือน ดึงอารมณ์ของผมไปจนสุดทาง วันหนึ่งเรารู้สึกแย่มาก
อีกวันอยู่ๆ ก็แฮปปี้ ไม่นานผมเริ่มดีขึ้น เริ่มบาลานซ์ความรู้สึกได้
รู้ตัวว่าตอนนี้รู้สึกอะไร เหมือนเคมีในสมองเราถูกปรับให้เป็นปกติ
ยิ้มและถ่ายรูปได้แล้ว (ยิ้ม)
เราต้องยอมรับว่าเราเป็นเว้ย ถ้าไม่เป็นเราไม่ไปหาหมอหรอก มันจะเดี้ยงแล้ว มันทำอะไรหลายๆ อย่างไม่ได้เพราะมันป่วย เราคิดมาดีแล้วว่าเราไม่ได้คิดไปเอง หลายคนไม่เข้าใจ ผู้ใหญ่บางคนก็บอกว่าเราอ่อนแอ เราไม่เข้มแข็ง ตอนแรกฟังแบบนี้เราก็ไปไม่เป็นเหมือนกันนะ หรือว่ากูอ่อนแอวะ แต่สุดท้ายแล้วพอเราไปหาหมอ เราพบว่ามันคนละเรื่องกัน ความอ่อนแอกับโรคมันคนละเรื่อง
คุณได้อะไรบ้างจากการหลุดพ้นความรู้สึกเหล่านั้นมาได้
มันเป็นอีกความรู้สึกกับตอนนั้นมากกว่า
เป็นความรู้สึกเชื่อและการยอมรับสิ่งที่เป็นตัวเองได้ เมื่อก่อนก่นด่าว่าตัวเองห่วย
ตอนนี้กลับรู้สึกว่าถึงห่วยแต่เราก็โอเคกับตัวเรานะ ในอนาคตผมก็คงยังทำเพลงต่อไป แต่ในรูปแบบที่เป็นนี่แหละ ทำด้วยตัวเอง
และไม่ทำออกมาเป็นซิงเกิล ผมไม่ค่อยชอบเรื่องระบบนี้เท่าไร
ผมว่ามันทำร้ายศิลปินดีๆ เหมือนกันนะ หลายคนออกซิงเกิลมาแล้วดัง
แต่พออีกซิงเกิลคนไม่ชอบแล้ว คุณไม่ควรทำเพลงต่อแล้ว
ผมเลยเลือกที่จะทำเป็นอัลบั้มรวมหลายๆ เพลงที่มีธีมในการเล่าเรื่องแบบของเรา
อย่างอัลบั้มนี้เป็นการเดินทางของผม มีลำดับเรื่องราวที่ค่อยๆ
ให้คนได้ฟังจนครบอัลบั้ม คือ 1 เรื่อง
ทำให้คนรู้จักเราผ่านเพลง
ตอนนี้กลายเป็นนักร้องคิวทองอีกคนไปแล้ว
เหนื่อยไหม
มีงานร้องเพลงเยอะมากมันก็ดีครับ มันก็มีความเหนื่อยกายเหนื่อยใจอยู่ด้วย แต่เวลาไปเจอ คนที่มารอฟังเพลงเรามันก็หายเหนื่อยนะ บางทีขอให้ได้บ่นสักหน่อย บ่นว่าเหนื่อยจัง แต่พอเริ่มได้เล่นดนตรี ได้ขึ้นเวที มันจะเริ่มตื่น ตี 1-2 จะเริ่มคึกขึ้นมาทันที ไปต่อได้อีกทั้งคืน เรี่ยวแรงกลับมา แล้วเหนื่อยต่ออีกครึ่งวัน พอหมดวันก็ตื่นมาเหนื่อยและคึกต่อ และรู้สึกว่าสนุกว่ะ ผมว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนขี้อ้อนหรืองอแงหรอก เป็นคนเอาแต่ใจมากกว่า (หัวเราะ)
แล้วเรื่องรูปลักษณ์ล่ะ
คุณใส่ใจเป็นพิเศษไหม แฟนคลับหลายคนละลายเพราะความหล่อของคุณนะ
จริงเหรอครับ (ยิ้ม) ถ้าอย่างนั้นช่วยมาดูแลผมหน่อยก็ดี ช่วงนี้ผมดูแลตัวเองไม่ค่อยดี ที่ผ่านมาคงเป็นแต้มบุญมากกว่า และตอนนี้มันใกล้จะหมดแล้ว แต้มบุญที่ผมบอกก็คือว่าเมื่อก่อนช่วงหลังประกวด ผมดูแลตัวเองจริงจัง ถึงขั้นเดินไปเคาน์เตอร์ ซื้อโทนเนอร์ มอยส์เจอไรเซอร์ ครีมบำรุงตอนเช้า ครีมบำรุงก่อนนอน บำรุงแบบเต็มที่เลย ออกกำลังกายด้วย ทำอยู่ 2 เดือนแล้วน้อยลงเรื่อยๆ จนช่วงนี้แทบไม่ทำอะไรกับหน้าเลย เดินเข้าเซเว่นซื้อสบู่ อาบน้ำ ล้างหน้า สระผมเช้า–เย็นก็พอแล้ว ตอนนี้สาบานเลยว่าไม่ได้ใช้ครีมอะไรบำรุง แต่ถ้าใครอยากมาดูแลผมก็จะดีมากเลยครับ (ยิ้ม)