ผมเชื่อว่าการแต่งงานไม่ได้ทำให้คนรักกันมากขึ้น – กันต์ กันตถาวร

Written by  
03.08.18 508 views
Written by  

03.08.18 508 views

จะแต่งงานในปลายปีนี้แล้ว กำลังเตรียมร่อนการ์ด ไฉนพิธีกรหนุ่มสุดฮอต กันต์ กันตถาวร ถึงบอกว่า “ผมเชื่อว่าการแต่งงานไม่ได้ทำให้คนรักกันมากขึ้น” และในเมื่อเขาไม่เชื่อในเรื่องการแต่งงาน แต่ทำไมเขาถึงตกลงแต่งงาน เพราะอะไร? 

“ ผมเชื่อว่าการแต่งงานไม่ได้ทำให้คนรักกันมากขึ้น แต่ที่ผมตกลงแต่งงาน เพราะมันคือความฝันของแฟนผม ”
— กันต์ กันตถาวร



อะไรคือข้อดีข้อเสียของการเป็นคนทำงานและมีคนรู้จักเยอะ

สำหรับผมนะ ข้อดีก็คือเราสามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ เราสามารถเลี้ยงดูครอบครัว เลี้ยงดูคุณพ่อคุณแม่ได้ดี อยากกินอะไรกิน อยากไปไหนได้ไป แล้วผมก็มีความสุขกับการทำงานในทุกๆ วัน อย่างที่บอกคือผมสามารถเป็นตัวเองได้ในทุกๆ วัน เหมือนมีคนจ้างให้คุณไปเป็นตัวของตัวเอง เออก็ตลกดีเนอะ แต่ว่ามันก็เป็นเรื่องจริง ส่วนข้อเสียก็คือว่าความเป็นส่วนตัวของคุณอาจลดลงบ้างในบางกรณี แต่ถ้าคุณทำความเข้าใจกับมันแล้ว ผมว่ามันเป็นสิ่งที่คุณควรจะยอมรับมันด้วยซ้ำนะ อย่างเวลาคุณไปกินข้าวในที่ที่มีคนเยอะๆ มีคนมาขอถ่ายรูปคุณก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเขาไม่ได้เจอคุณทุกวัน แต่ถ้าคุณไม่ให้ถ่าย แปลว่าคุณกำลังเอาตัวเองเป็นที่ตั้งแล้วว่าโอ๊ย ฉันเหนื่อย นี่มันเวลาส่วนตัว คือใครมันจะไปรู้ว่านี่คือเวลาส่วนตัวของคุณ เพราะคุณเลือกออกจากบ้านมาในที่สาธารณะแล้ว ถ้าคุณไม่อยากให้ใครถ่ายรูปก็อยู่บ้านเลย หรือที่ที่เป็นส่วนตัวที่คิดว่าไม่มีใครเห็น ซึ่งผมก็มีร้านอาหารที่ผมกินประจำนะ ไปบ่อยจนเด็กเสิร์ฟไม่ถ่ายรูปแล้ว ผมว่าทุกคนมีอาชีพและลักษณะการทำงานที่แตกต่างกัน ถ้าคุณรักงานนี้คุณก็ต้องยอมรับมัน ทุกสิ่งทุกอย่างมันมาพร้อมกัน ผมว่ามันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ถ้าเราอยู่กับทุกสิ่งทุกอย่างได้ เราก็จะมีความสุขกับมันเอง

แล้วมีกรณีที่เข้าใจไม่ได้ไหม

 

ผมว่าที่เข้าใจกันไม่ได้คือคนที่ไม่พร้อมจะเข้าใจมากกว่าครับ เอาจริงๆ ผมเคยเจอเหตุการณ์ ที่ผมกำลังกินข้าวอยู่แล้วมีคุณป้าท่านหนึ่งเดินมาขอถ่ายรูป ผมกำลังจะตักเข้าปากแล้ว เราก็บอกว่าเอ่อ…ป้าครับ ผมขอกินข้าวแป๊บนึงนะ เขาก็บอกว่าได้ลูก กินเสร็จแล้วป้าขอถ่ายรูปด้วยนะ แบบนี้ผมโคตรมีความยินดีอยากให้ถ่ายเลย คือเราอยากรีบตักคำนี้เข้าปากแล้วเรียกป้ามาถ่ายรูปกันเลย แต่มันจะมีอีกกรณีหนึ่งคือผมกินข้าวอยู่ เราก็เอ่อ…ขออนุญาตนะครับขอกินข้าวก่อน เขาก็ไม่ยอม แบบไม่ๆ อยากได้รูปนี้ตอนที่คุณกำลังจะกินข้าวนี่แหละ ถามจริงเป็นคุณจะโกรธไหม คือคนคนนั้นกำลังเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง คือผมเชื่อว่าเราไม่สามารถทำให้ทุกคนเข้าใจหรือชอบในสิ่งที่เราเป็นได้ แต่เราก็เลือกได้ว่าจะจัดการกับมันอย่างไร

ชีวิตส่วนตัวของกันต์ปกติเป็นอย่างไร

จริงๆ แล้วผมชอบอยู่บ้านนะ คืออาจจะซ่ามาเยอะด้วยมั้ง ไปข้างนอกมาเยอะ ปัจจุบันก็เลยอยากอยู่บ้านเลี้ยงหมามากกว่า หาอะไรอร่อยๆ ทานกับคุณพ่อคุณแม่ พาคุณแฟนไปดูหนังบ้างอะไรบ้าง ชีวิตผมมีแค่นี้ ดูหนัง กินข้าว พักผ่อนไปเที่ยว ไปเปิดประสบการณ์ ไปต่างประเทศ ไปต่างจังหวัด ผมเป็นอย่างนั้นจริงๆ อย่างคุณแฟนผมเขาจะชอบไปช้อปปิ้ง ไปถ่ายรูป ไปนู่นไปนี่ ส่วนผมเวลาไปไหนคือไปพักจริงๆ ผมบอกเอาเลย เธออยากไปไหนไปเลย เรานั่งร้านกาแฟนะ ซึ่งผมก็นั่งอยู่เฉยๆ กินกาแฟไป ดูคนเดินผ่านไปมา เจอในสิ่งที่เราไม่ค่อยได้เห็น เพราะถ้าเราอยู่ในเมืองไทยคนอาจรู้จักเรา อ้าว คุณกันต์ขอถ่ายรูปหน่อย ซึ่งมันก็เป็นเรื่องหนึ่งที่เราก็ต้องเข้าใจ แต่พอไปต่างประเทศจะไม่ค่อยมีใครรู้จักเรา เราจะเห็นแง่มุมที่เราสามารถโฟกัสและจับรายละเอียดมันได้ทีละอย่าง โลกมันเริ่มหมุนช้าลง และเราจะเห็นอะไรมากขึ้นในสิ่งเดิมๆ ที่เราเคยเห็นมาตลอด สิ่งนี้แหละคือสิ่งที่ผมรู้สึกว่ามันคือการพักผ่อน ชีวิตผมมีแค่นี้ 

อีกอย่างคือผมเลิกเสพพวกของฟุ้งเฟ้อมาหลายปีแล้วเหมือนกัน เพราะเมื่อก่อนคือไปสุดเลย จนรู้สึกว่ามันไม่ได้อะไร มันกลายเป็นว่าเราต้องการให้คนอื่นเห็นมากกว่าว่าเราเป็นแบบไหน แต่มันไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการที่จะเป็นจริงๆ เลยกลายเป็นว่าปัจจุบันเลิกแต่งตัวไปเลย เลิกไปร้านอาหารหรูๆ อยากไปเที่ยวที่ไหนก็ไป โจทย์ชีวิตของผมคงเหลือแค่นี้แหละครับ ซึ่งสุดท้ายก็คือเอาแค่ตัวผมและคนรอบข้างให้
มีความสุข ถ้าคนรอบข้างของผมมีความสุข แล้วผมสามารถดูแลพวกเขาได้ดี ผมว่าแค่นี้ผมจบแล้ว 

แสดงว่าช่วงนี้ชีวิตมีความสุข สมดุลดี

 

สมดุลดี ณ วันนี้นะ คือผมก็ไม่รู้ว่าในอนาคตผมจะอยากทำอะไรมากกว่านี้ไหม แต่พอมานั่งตกผลึกกับตัวเองผมก็คิดว่าการทำอาชีพพิธีกรมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมไปแล้ว เพราะผมไม่รู้สึกว่ามันเป็นงาน มันเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ว่าพอผมจะกินข้าวแล้วขอไมค์ให้กูเหอะ กูเป็นคนติดไมค์ (หัวเราะ) พอมันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตแล้วเราก็ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าเราต้องทำอะไรอีกไหม รู้แค่ว่าวันนี้ผมไม่ได้อยากเป็นเจ้าของรายการ เพราะผมรู้สึกว่าถ้าผมเป็นเจ้าของรายการปุ๊บ ผมจะมองมันในเชิงธุรกิจทันทีเลยว่าสปอนเซอร์จะเข้าไหม จะขายได้ไหมคนดูจะชอบไหม ซึ่งมันจะหมดสนุกทันที ณ วันนี้ ผมมาเป็นแม่ทัพให้กับทีมงานในการสื่อสารสิ่งที่เขาต้องการสื่อออกไปให้คนได้ชม ผมโคตรมีความสุขเลยเพราะผมไม่ต้องกังวลอะไร ผมแค่ต้องรับผิดชอบหน้าที่บนเวทีของผม เพราะนี่คือพื้นที่ของผม นอกนั้นคือหน้าที่ของพวกคุณเลย ผมทำแค่นี้พอ ผมว่าผม
มีความสุขแล้วนะในทุกวันนี้