Veganerie Concept
เริ่มต้นปฏิวัติตัวเองให้เป็นคนใหม่ที่ Healthy กว่าเดิมที่ร้าน Veganerie Concept อดีตร้านเบเกอรี่ขายขนมสไตล์วีแกนของคุณจ๋า-ณปัสสร ต่อเทียนชัย ที่จับมือกับพี่ชายมาเปิดขยับขยายสาขาใหม่ให้เราลิ้มลองเมนูอาหารที่เป็นวีแกน โดยไม่จำกัดว่าคุณจะเป็นชาววีแกนหรือไม่ก็ตาม
แต่ละเมนูเน้นการกินอาหารที่ไม่เบียดเบียนสัตว์ ใช้วัตถุดิบจากพืชผักผลไม้มาทดแทนเนื้อสัตว์ นมและไข่ ร้านใส่ใจกระบวนการทำทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะการเลือกใช้เส้นสปาเกตตี้ทำจากซูกินี่แทนเส้นแป้งพาสต้า ใช้วิธีการทอดแบบ Air-Fried โดยไม่ใช้น้ำมัน รวมถึงยังมีเมนูสำหรับผู้ที่แพ้กลูเตน คนรักสุขภาพจึงไว้ใจได้แน่นอน นอกจากนี้ยังมีเมนูเครื่องดื่มอย่างน้ำผักผลไม้ และธัญพืชปั่นเข้มข้นให้ผลดีต่อสุขภาพ สำหรับคนที่ยังไม่ปรับวิถีการกินตามหลักวีแกนร้อยเปอร์เซ็นต์ เริ่มจากแบบนี้ก่อน แล้วค่อยปรับไปสู่สายวีแกนฮาร์ดคอร์ขึ้นในโอกาสต่อไปก็ยังได้
WHERE: ตั้งอยู่ด้านหลังสวนเบญจสิริ สามารถเดินทางโดยรถไฟฟ้าบีทีเอสพร้อมพงษ์
เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 น. – 22.00 น.
เฟซบุ๊ก: VeganBakeryBangkok
เบอร์โทรศัพท์: 095-564-6053
Summer Bowl
เรื่องมีอยู่ว่า จีน-วริฐา ปฐวินทรานนท์ และ ไทเลอร์ แมคจี เดินทางไปเรียนแลกเปลี่ยนบนเกาะฮาวาย และสังเกตเห็นว่า คนฮาวายชอบทำของกินเล่นสูตรสมูทตี้อาซาอิกันเป็นชีวิตจิตใจ และทั้งสองคนก็ถูกใจเมนูนี้จนกินกันเป็นประจำเช่นกัน พวกเขาจึงขอส่งต่อรสชาติความอร่อยจากฮาวายสู่กรุงเทพฯ จนเกิดเป็นคาเฟ่สายเฮลตี้ขนาดกระทัดรัดแห่งนี้
วัตถุดิบของทางร้านใช้ของท้องถิ่นเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ตามฤดูกาล กราโนลา และโยเกิร์ตมะพร้าวสูตรโฮมเมดจากฝีมือเพื่อนสนิทของคุณจีน เว้นแต่อาซาอิเบอร์รีที่ทางร้านนำเข้าจากประเทศบราซิล เมนูหลักของที่นี่คือ อาซาอิโบว์ มีสูตรต่างๆ ให้เลือกกว่า 8 รายการ เสิร์ฟเป็นเมนูสมูทตี้ทำมาจากอาซาอิที่ปั่นรวมกับผลไม้จนเป็นเนื้อเนียนให้รสสัมผัสคล้ายไอศกรีม
มีวิธีสั่งง่ายๆ เริ่มจากเลือกเมนูที่ชอบ จากนั้นเลือกผลไม้เพิ่ม 1 อย่าง ตามด้วยเลือกเครื่องเคียงโรยหน้าอย่างกราโนลาหรือโยเกิร์ตสูตรโฮมเมด หากยังไม่จุใจสามารถสั่งท็อปปิ้งเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนจากนมถั่วเหลืองที่ใช้ปั่นอาซาอิเป็นนมอัลมอนด์หรือน้ำมะพร้าวก็ได้
WHERE: ตั้งอยู่ในซอยทองหล่อ 13 สามารถเดินทางโดยรถไฟฟ้าบีทีเอสทองหล่อ
เปิดทุกวัน วันอังคาร-วันศุกร์ เวลา 9.00-19.00 น. และวันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 10.00-20.00 น. (ปิดวันจันทร์)
สามารถเดินทางโดยรถไฟฟ้าบีทีเอสพร้อมพงษ์
เฟซบุ๊ก: Summerbowl.bkk
เบอร์โทรศัพท์: 089-894-2646
Organic Supply
ร้านเก๋เพื่อสุขภาพชีวิตที่ดีนี้เป็นการผสมผสานระหว่างซุปเปอร์มาร์เก็ตและคาเฟ่ที่มุ่งเน้นไปยังสินค้าตลอดจนวัตถุดิบที่เป็น Organic ให้มากที่สุด ไอเดียดีๆ นี้เกิดจากวงคุยกันระหว่างน้ำตาล, ก๊อต, ทราย และเล็ก (Greasy Café) ที่อยากทำร้านดีๆ แบบนี้ขึ้นมาเหมือนกับตอนที่ทุกคนเคยไปเห็นร้านในลักษณะนี้ที่อังกฤษ สินค้าที่ขายล้วนเกิดจากการสร้างเครือข่ายสีเขียวร่วมกันโดยทางร้านเริ่มจากการติดต่อไปยังผู้ผลิตรายย่อยโดยตรงเพื่อคัดสรรสินค้าคุณภาพที่ดีที่สุดเข้าร้าน แนวความคิดรักษ์โลกยังลงลึกไปถึงเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งด้วยโดยวัสดุที่นำมาทำชั้นวางตลอดจนโต๊ะไม้ตัวใหญ่ก็เป็นเศษลังไม้เก่าที่ถูกนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่นั่นเอง ส่วนเก้าอี้ก็เป็นของเก่ามือสอง
ในส่วนคาเฟ่จะเสิร์ฟเฉพาะชา สมูทตี้ และเบเกอร์รี่ไม่กี่อย่างเท่านั้น แต่ทุกเมนูจะใช้วัตถุดิบคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย เป็นความอร่อยที่ดีต่อสุขภาพล้วนๆ ทีเด็ดที่สุดเห็นจะต้องยกให้ OS Garden สมูทตี้ที่เป็น Signature ของร้านโดยนำเอาคะน้าฝรั่ง (Kale) ผักที่ได้ชื่อว่ามีประโยชน์มากที่สุดอันดับต้นๆ ของโลกมาปั่นกับกล้วย แอปเปิ้ลเขียว มะนาว แล้วโรยด้วยเมล็ดเจีย ออกมาเป็นน้ำปั่นรสชาติอร่อยได้ประโยชน์สูง เบเกอร์รี่นั้นอยากให้ลองชิม Scone สูตร Vegan ที่ไม่มีเนย นม ไข่ แต่ใช้น้ำมันรำข้าวแทน และเพื่อความไม่จำเจสโคนที่นี่จะเปลี่ยนรสชาติใหม่ๆ ทุกเดือนด้วย อีกเมนูที่เห็นแล้วแสนธรรมดาแต่ว่ากันว่านี่คือสุดยอดความอร่อยของที่นี่เลยก็ว่าได้นั่นก็คือ Vegan Bread ขนมปังโฮลวีทสูตวีแก้นที่ดีต่อสุขภาพ อบสดใหม่ทุกวัน อร่อยเกินคาดทีเดียวล่ะ
WHERE: 148 ถนนนาคนิวาส แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ
เปิดทุกวัน 10.00-20.00 น.
เบอร์โทรศัพท์ 0-2101-6410
เว็บไซต์ www.organicsupply.co.th
เว็บไซต์ www.organicsupply.co.th
Farm to Table, Hideout
หลังจากความอร่อยของ Farm to Table, Organic Café เริ่มเป็นที่รู้จักมาพักใหญ่ ก็ถึงคราวที่ร้านจะขยับขยายให้เติบโตขึ้น โดยร้านใหม่นี้ยังคงคอนเซ็ปต์เสิร์ฟคุณภาพที่ดีเช่นเคยซึ่งวัตถุดิบสดใหม่ปลอดภัยจะส่งตรงจาก Organic Farm จังหวัดเชียงราย อันเป็นธุรกิจใหญ่ของครอบครัวเพื่อนำมาทำของอร่อยในร้านแทบทุกเมนู คำว่า HIDEOUT ที่เติมต่อท้ายยังบ่งบอกเอกลักษณ์ของร้านได้เป็นอย่างดี เพราะมันซ่อนตัวอยู่ในตรอกท่ามกลางชุมชนย่านปากคลองตลาดเช่นเคย เสน่ห์ที่ซ่อนอยู่อีกอย่างนั่นก็คือการนำเอาตึกเก่าอายุกว่าร้อยปีมารีโนเวทใหม่ให้เป็นคาเฟ่เก๋ๆ น่านั่งที่ภายนอกยังคงกลิ่นอายสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลตามแบบโครงสร้างเดิมไว้เกือบทั้งหมด
ร้านใหม่นี้เสิร์ฟตั้งแต่ของคาวยันของหวานไปจนถึงกาแฟในรูปแบบ Slow Bar ที่เน้นคุณภาพในรสชาติ เมนูอร่อยหลักๆ ยังคงเป็นไอศกรีมเจลลาโต้แบบอิตาเลี่ยนโบราณที่รสชาตินั้นได้มาจากผักผลไม้สดใหม่ซึ่งเป็นวัตถุดิบตั้งต้นเท่านั้นโดยไม่มีการเพิ่มน้ำตาลลงไป แถมคราวนี้ยังได้เชฟฝีมือดีที่เคยผ่านงานครัวของโอเรียนเต็ลมาร่วมแจมสร้างสรรค์สูตรอร่อยใหม่ๆ ขึ้นเพื่อที่นี่โดยเฉพาะอีกด้วย เอกลักษณ์ที่โดดเด่นนั้นเห็นจะเป็นการนำเอาขนมไทยตำรับโบราณมาจับคู่ทานกับไอศกรีมที่เข้ากันอย่างลงตัว อาทิ ขนมข้าวตอกตั้ง ซึ่งจะนำขนมไทยนี้มาจับคู่ทานกับไอศกรีมมะพร้าวหรืองงาดำที่อร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ
อีกเมนูน่าลองนั่นก็คือ Ice Matcha Latte ชาเขียวสูตรเย็นที่นำเอาชาออร์แกนิกจากไร่ในเชียงรายมาชงได้อร่อยไม่แพ้ชาเขียวแท้จากญี่ปุ่น แถมท็อปด้วยไอศกรีมรสนมถั่วเหลืองซึ่งเมื่อละลายเข้ากันแล้วจะได้รสชาติที่อร่อยหวานมันไม่เหมือนใครเลยทีเดียว
WHERE: 15 ซอยท่ากลาง แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ
เปิดทุกวัน 10.00-21.00 น. ยกเว้นวันพุธ
เบอร์โทรศัพท์ 0-2004-8771
เฟซบุ๊ก: FarmToTableOrganicCafe
เฟซบุ๊ก: FarmToTableOrganicCafe
จากคอลัมน์ Ham Hang out ฉบับที่ 22 และ 146
เรื่อง : ธาดา ราชกิจ, เสาวภัคย์ อัยสานนท์
ภาพ : สรรพัชญ์ วัฒนสิงห์, ชาคริต นิลศาสตร์, ดวงสุดา กิตติวัฒนานนท์
ภาพ : สรรพัชญ์ วัฒนสิงห์, ชาคริต นิลศาสตร์, ดวงสุดา กิตติวัฒนานนท์