Happy to be Here – ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์

ชื่อของ ‘ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์’ กลายเป็นที่รู้จักหลังจากเธอรับบท ‘น้ำ’ จากภาพยนตร์เรื่อง สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่า…รัก (2553) และหลังจากที่แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวเส้นทางบันเทิงของเธอก็ดูจะสดใส ผ่านมา 8 ปีแล้ว ใบเฟิร์นยังคงเป็นนักแสดงสาวขวัญใจคนดูที่มีผลงานออกมามากมาย ซึ่งแน่นอนว่าความสำเร็จที่หอมหวานแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ แต่มาจากผลของความตั้งใจอย่างแท้จริง

เธอกลับมาพูดคุยกับเราอีกครั้งในฐานะ ‘กิ๊ง’ จากภาพยนตร์แนวโรแมนติกคอเมดี้ เรื่อง Friend Zone ระวัง..สิ้นสุดทางเพื่อน ที่ว่าด้วยเรื่องราวความสัมพันธ์ของเพื่อนสนิทที่แอบคิดไปไกลเกินกว่าเพื่อน ไม่แปลกใจว่าทำไมเราถึงสังเกตเห็นแววตาของใบเฟิร์นที่แพรวพราวขึ้นทุกครั้ง เมื่อตั้งคำถามถึงชีวิตด้านการแสดงของเธอ เพราะการเป็น ‘นักแสดง’ คือพื้นที่ที่เธอยืนอยู่แล้วมีความสุขมากที่สุดในตอนนี้

ตอนนี้ชีวิตการเป็นนักแสดงของใบเฟิร์นเป็นอย่างไรบ้าง 

สนุกทุกวันเลย เฟิร์นอาจไม่ใช่คนเก่งในการใช้ชีวิตด้านอื่นๆ แต่เฟิร์นรู้สึกสนุกกับงานและคิดว่ารู้จักงานที่ตัวเองทำดี แต่ก่อนเราเคยแคสต์โฆษณาได้บ้าง ไม่ได้บ้าง 30 งานได้แค่งานเดียว ขอแค่เราได้ไปแสดง แค่นั้นก็ดีใจแล้ว ไม่ว่าจะมีเรื่องไหนเข้ามาก็จะทำเต็มที่มาตลอด เฟิร์นอาจไม่ใช่คนที่รู้เรื่องธุรกิจหรือเรื่องต่อรองค่าตัว แต่เฟิร์นสนุกกับงานแสดงมาก ชอบนำบทมานั่งคิด ค้นหาว่าอะไรคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวละครนั้นๆ เราชอบนั่งไล่ความรู้สึกตัวละคร เหมือนตอนนี้เฟิร์นก็สามารถพูดถึงตัวละครที่เฟิร์นเคยเล่นได้ในทุกเรื่องเลย  

จำได้ไหมว่าเริ่มรู้สึกชอบการแสดงตั้งแต่เมื่อไหร่

เด็กมาก เริ่มมาตั้งแต่เรียนอยู่ประมาณชั้นประถมฯ ตอนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการแสดงคืออะไร แล้วก็ไม่ได้อยากเป็นดาราด้วย แต่เราเคยไปเรียนละครเวที เล่นเป็นกบ เล่นเป็นกระต่าย ไม่เคยได้เล่นเป็นคนเลย แต่เรารู้สึกสนุกมากกับการอยู่บนเวที และคิดว่าจะทำยังไงให้ตัวเองมีโอกาสได้อยู่บนเวทีอีก ตอนนั้นยังพูดไม่ได้เลยว่าสิ่งที่อยากทำคือนักแสดง อย่างเวลาคนถามว่าโตขึ้นแล้วอยากเป็นอะไร เราตอบไม่ได้ด้วยซ้ำ แค่เป็นเด็กที่อยากได้พื้นที่การแสดงเท่านั้นเอง

จากเด็กที่ไม่ได้อยากเป็นดารา แต่ก็เลือกเข้าเรียนคณะเกี่ยวกับการแสดงด้วย

ใช่ เฟิร์นแค่เป็นคนที่มีความสุข ณ ขณะที่แสดง ณ โมเมนต์ที่เราแสดงเป็นตัวละครหนึ่ง ได้เล่าเรื่องของคนคนหนึ่งเท่านั้นเอง เราสนุกกับการเป็นตัวละครต่างๆ สนุกกับการออกกอง ที่เลือกเรียนก็ไม่ใช่เพราะฉันจะต้องจริงจัง แต่แค่รู้สึกว่าได้ออกไปทำอะไรสนุกๆ เราไม่ได้รู้สึกเหมือนไปเรียนเลยสักวัน แต่ตั้งหน้าตั้งตารอคอยว่าวันนี้ครูจะสอนเรื่องอะไร เหมือนวันนี้อยากมากองจะได้เล่นซีนนี้ด้วยนะ แค่อ่านบท ชีวิตเฟิร์นก็ไม่ค่อยเบื่อ สนุกมาก 

ปกติมีวิธีเลือกรับบทที่จะเล่นยังไงบ้าง

เลือกตามคิว เฟิร์นเป็นโรคที่ชอบรู้สึกว่าบทนี้ก็น่ารักดีนะ อีกบทก็สนุกดี บางคนอาจจะมองว่าคาแร็กเตอร์ของบทนี้ออกแนวใสๆ เหมือนกัน แต่ถ้ามองลงลึกไปถึงเส้นเรื่อง มันก็ไม่เหมือนกันแล้ว ทำให้เราอยากรับทุกบท เลยกลายเป็นว่าไปลำบากผู้จัดการ เขาบอกว่าทำงาน 7 วันแล้วนะ รับเพิ่มไม่ได้แล้ว

เอาจริง เวลาที่เหลือเฟือพอสำหรับใบเฟิร์นจริงๆ ต้องมีเท่าไหร่ 

อาทิตย์หนึ่งมีแค่ 7 วัน เฟิร์นอยากให้มีเกิน เผื่อวันนอนไว้ 1 วัน ส่วนวันอื่นๆ เราก็ไปเล่นสนุก เชื่อไหมว่าเดี๋ยวรับอีก สนุก (หัวเราะ) 

อย่างตอนนี้มีเวลาอยู่ 7 วัน ใบเฟิร์นรับเล่นอยู่กี่เรื่องหรือ

ตอนนี้มีแค่เรื่องเดียว แต่กำลังจะเปิดอีกเรื่องซ้อนมา ก่อนจะเล่นเรื่องหนึ่งเฟิร์นก็เวิร์กช็อปของเรื่องต่อไปรอ

แล้วที่ผ่านมาเคยรับเล่นเยอะที่สุดกี่เรื่อง

เคย 7 วัน 3 เรื่อง ซึ่งถือว่าหนักมาก ยิ่งพอเราเป็นพระเอกนางเอกที่แทบจะมีทุกซีนทุกฉาก เฟิร์นเคยทำแล้ว แล้วมันก็ทำได้ไม่ค่อยดี บางทีเฟิร์นกำลังโกรธมากๆ แต่ต้องมานึกว่าชื่อนี้เรื่องอะไรนะ หรือว่าชื่อนี้เป็นชื่อของเรื่องที่แล้ว มันไม่เวิร์ก เราเลยคิดว่าต่อไปนี้จะรับทีละเรื่อง แล้วค่อยๆ ไล่กันไปดีกว่า 

แบ่งสรรเวลาส่วนตัวกับการทำงานอย่างไร 

เวลาทำงานก็ไม่รู้สึกว่าไม่เป็นส่วนตัวนะ ส่วนตัวจริงๆ อาจจะแค่ขอเวลานอน แต่การไปออกกอง ทำให้เฟิร์นรู้สึกเป็นตัวเองมาก เราทำงานอย่างมีความสุข ชีวิตเฟิร์นเลยไม่ได้เป็นโมเดลว่าพรุ่งนี้ฉันต้องตื่นไปทำงาน 

คิดว่ายังมีอะไรที่คิดว่าตัวเองต้องพัฒนาอีก

ไม่ว่าจะเล่นละครมากี่เรื่องก็ตาม เฟิร์นจะพยายามตีความให้กว้างที่สุด กว้างที่สุดของเราแค่นี้แหละ แต่พอไปถามครู เฮ้ย ทำไมครูถึงยังมีมุมมองอื่นที่กว้างกว่าเราอีก เฟิร์นเลยอยากเรียนรู้ให้มากกว่านี้ อยากมองให้เห็นเหมือนที่ครูมอง ทำไมถึงมองตกหล่น มีอะไรอีกที่ยังไม่เคยรู้ เฟิร์นไม่ใช่คนที่ทำได้ดีในทุกๆ อย่าง อาจจะมีประสบการณ์มากขึ้น ใช้เสียงก็ไม่ได้เก่ง อาจจะเป็นเพราะทำงานมาตั้งแต่เด็ก แล้วประสบการณ์ในชีวิต เรายังไม่ได้ไปเจอเรื่องอะไรเยอะ บางทีเราจะไม่เข้าใจว่าทำไมมันคิดแบบนี้ มีคนเป็นแบบนี้ด้วยเหรอ เราจะไม่เข้าใจ แต่จะใช้วิธีการไปถามจากคนรอบข้าง 

อะไรคือความท้าทายในแต่ละบทที่เราต้องก้าวข้ามผ่านมันไปให้ได้ 

ก็ขึ้นอยู่กับว่ามันยากมากน้อยแค่ไหน เฟิร์นก็ต้องหาข้อมูลเยอะขึ้น แต่ถ้าเป็นคนปกติ โอเค เราเคยเล่นประมาณนี้มาแล้ว สิ่งที่เราต้องทำก็คือหาเสน่ห์ให้ตัวละครตัวหนึ่ง บางทีคาแร็กเตอร์ของคนไม่เหมือนกัน บางคนชอบใช้ไม้ใช้มือ บางคนแสดงออกกับทุกอย่างที่คิด เฟิร์นก็รู้สึกว่าเฟิร์นอยากให้ตัวละครของเฟิร์นน่าดูทุกตัว แล้วทุกคนรับรู้เรื่องราวที่เฟิร์นอยากถ่ายทอด ซึ่งเป็นการบ้านหลักที่เฟิร์นพยายามหาให้ตัวละครแต่ละตัวที่เฟิร์นเล่น 

ถือเป็นเรื่องชาเลนจ์กับตัวเองเลยไหม 

เฟิร์นอยากเป็นนักแสดงที่ดีที่ทุกคนอยากร่วมงานด้วย ที่ดีที่เก่ง แล้วทุกคนอยากทำงานร่วมกับเฟิร์น

นักแสดงที่ดีในมุมมองของใบเฟิร์นเป็นอย่างไร

เป็นคนที่มีระเบียบวินัย มีหน้าที่ของตัวเองคือทำการแสดงได้ดี เฟิร์นเชื่อว่ามันรวมถึงการเป็นความสุขของคนรอบข้าง นี่คือส่วนตัวของเฟิร์นนะ เราอยากให้คนในกองถ่ายมีความสุข มันคือการเจอหน้ากันทุกวัน ทำงานแทบจะ 24 ชั่วโมง อยากให้ทุกอย่างมันขับเคลื่อนไปด้วยความสุข เราเป็นคนสร้างสรรค์ผลงานเดียวกันให้มันออกมา เฟิร์นว่านี่เป็นองค์ประกอบของการเป็นนักแสดงที่ดี

นอกจากการแสดง อะไรที่เป็นความสุขของใบเฟิร์นอีกบ้าง 

ครอบครัว ผู้จัดการ เพื่อน หมา ก็ไม่ได้คิดอะไรไกล วันไหนหยุดก็ไปกับที่บ้าน

อะไรคือข้อดีและข้อเสียของการเป็นนักแสดง

ขอข้อดีก่อนละกัน รู้สึกว่ามันดีมากๆ เลย เฟิร์นเข้าใจคนอื่นมากขึ้น แล้วก็ตัดสินคนอื่นน้อยลง กว่าเราจะทำตัวละครขึ้นมาตัวหนึ่ง เราต้องไปเรียนรู้วิธีของคนอีกเป็นสิบเป็นร้อยคน และวิธีการรับมือกับสถานการณ์ของเขาอีก เฟิร์นรู้สึกว่ามันทำให้เฟิร์นใจกว้างขึ้น เข้าใจคนมากขึ้น แล้วก็บาลานซ์ชีวิตตัวเองได้ดีขึ้น เรามีโอกาสได้เรียนรู้จากตัวละคร เรียนรู้ทุกอย่างที่เขาไปเจอมาแทนเรา แล้วทำให้เราได้ใช้ชีวิตแบบสมดุลมากขึ้นจริงๆ แล้วเฟิร์นคิดว่ามันเติมเต็มเฟิร์นมากๆ

ส่วนข้อเสียเฟิร์นแทบไม่เห็นเลยนะ อาจจะง่วงนอนหน่อยในช่วงออกกอง (หัวเราะ) แต่มันก็แค่นั้นเอง เฟิร์นคงโชคดีที่ได้ทำงานแบบมีความสุข บางทีก็มีหมดแรงบ้าง แต่มันสนุก กว่าจะได้มาทำงานนี้อย่างที่บอก เฟิร์นก็แคสต์มา 30-40 งาน ไม่ได้มาง่ายๆ พอได้มาแล้วเราก็อยากทำให้ดีที่สุด

ไม่เคยมีช่วงไหนที่รู้สึกว่าการแสดงไม่ได้สนุกอย่างที่คิดไว้เลยหรือ

ไม่เคยมีเลย มีแต่โทษตัวเองว่าทำไมถึงเล่นแย่วะ ทำไมเล่นไม่ดีเลยวะเฟิร์น กลับบ้านร้องไห้หาแม่ งอแงมาก แต่มันจะช่วงแรกๆ ของการเข้าถึงตัวละครที่เฟิร์นยังไม่เข้าใจวิธีการของเขา หรือยังเล่นไม่ได้เป็นธรรมชาติของเขา 

ฝันไกลสุดเท่าที่ใบเฟิร์นจะนึกออกตอนนี้เป็นฝันแบบไหน 

ไม่เคยแพลนเลย อาจจะเป็นคนที่มีความสุขกับการแค่ตื่นมาแล้ววันนี้เล่นเป็นใคร และมีซีนไหนที่ยาก แล้วเราจะต้องเตรียมตัวอะไร สำหรับเฟิร์นอนาคตมีแค่นี้เอง ทุกวันนี้มันพอดีกับเฟิร์นแล้วมั้ง เฟิร์นเลยไม่คิดว่าในอนาคตเราจะต้องไปแตะอะไรไปมากกว่านี้ ขอแค่มีทุกอย่างที่มีอยู่ตอนนี้ไปเรื่อยๆ ก็พอแล้ว 

เรียนรู้อะไรจากวงการบันเทิง

เฟิร์นเรียนรู้ที่จะไม่ไหลไปกับมัน เรียนรู้ว่าเฟิร์นก็ยังเป็นเฟิร์น ทำหน้าที่นักแสดง อาจจะข้องเกี่ยวกับวงการบันเทิงในเรื่องข่าว แต่เฟิร์นก็ยังมีจุดที่เฟิร์นยึดก็คือเฟิร์นไม่ได้อยากเป็นดาราในพื้นที่ข่าวหรืออะไร จะไม่ใช้วงการบันเทิงเป็นเครื่องมือ ก็ทำหน้าที่ของเฟิร์นในสิ่งที่เฟิร์นรักเท่านั้นเอง เฟิร์นก็จะเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันอย่างมีความสุข

ผ่านมา 8 ปีแล้ว ยังมีคนติดภาพคาแร็กเตอร์เด็กสาวหวานใสของ ‘น้ำ’ จากภาพยนตร์เรื่อง สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่า…รัก (2553) อยู่อีกไหม

ก็มีนะคะ แต่คงไม่ถึงกับติดภาพขนาดนั้น เพราะเฟิร์นเองก็มีผลงานอื่นๆ ไล่เรียงตามมา แต่ถ้าเป็นผลงานภาพยนตร์ในดวงใจ คนจะยังพูดถึงน้ำอยู่ แฟนๆ ต่างประเทศเองก็จะเรียกเราว่าน้ำ ซึ่งการที่เขาเรียกชื่อตัวละครของเรา เฟิร์นโอเคนะกับการที่ภาพยนตร์หรือตัวละครมันประสบความสำเร็จ อยู่ในใจคน จะเรียกอะไรก็ได้ หลังจากนั้นบทที่เล่นก็เปลี่ยนตามวัย เปลี่ยนไปตามทัศนคติ เราเลือกรับงานที่หลากหลาย ไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าจะต้องฉีกไปเซ็กซี่หรือต้องปรับลุค ทุกวันนี้ก็ยังเล่นบทคอเมดี้ใสๆ อยู่ 

ล่าสุดรับบทเป็น ‘กิ๊ง’ ในภาพยนตร์เรื่อง Friend Zone ระวัง..สิ้นสุดทางเพื่อน 

ใช่ค่ะ เป็นภาพยนตร์แนวโรแมนติกคอเมดี้เกี่ยวกับเขตหวงห้ามความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน ไม่ให้รักเพื่อน ไม่ให้เกินเพื่อน ในเรื่องรับบทเป็น ‘กิ๊ง’ เขาเหมือนเฟิร์นมาก แต่เป็นคนตรงไปตรงมากว่า จะไปไหนทำอะไรก็ไปเต็มที่เลย คาแร็กเตอร์ก็เป็นคนที่ทุ่มเทให้กับความรัก เป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ค่อนข้างออกห้าวไปด้วยซ้ำ

ขยายความของคำว่า ‘เขตหวงห้าม’ ให้ฟังหน่อย

มันคือพื้นที่ที่ดีมากแล้ว มีความสุขแล้ว แต่ถ้ามีใครสักคนหนึ่งอยากจะมากไปกว่านี้ หรืออยากจะน้อยไปกว่านี้ ความสัมพันธ์จะกลายเป็นเส้นบางๆ ซึ่งถ้าใครเผลอล้ำเส้นเข้าไป ความสุขที่เคยมีก็อาจจะหาย ซึ่งก็คือเฟรนด์โซนนั่นเอง

แล้วเคยมีเหตุการณ์ ‘เฟรนด์โซน’ เกิดขึ้นในชีวิตจริงมาก่อนหรือเปล่า

เฟิร์นไม่มีเฟรนด์โซนแบบนี้มาก่อน เราไม่ได้ไปแอบชอบเพื่อน แต่จะชอบคนอื่นไกลๆ ไปเลยมากกว่า หรืออาจจะเป็นคล้ายๆ กิ๊งก็ได้ เพราะรู้ว่าถ้าชอบเพื่อนไปแล้ว มันไม่รู้จะทำยังไง กลัวเสียเพื่อน เลยไม่ปล่อยให้ความรู้สึกมันเกินเลยไปไกลกว่านั้น

คิดว่าเพื่อนรักเพื่อนนี่ผิดไหม

ไม่ผิดเลย แต่แค่รู้สึกว่าตอนนี้เฟิร์นโคตรเข้าใจคุณเลย เรารู้ว่าความสัมพันธ์แบบนี้มันหนักหนาแค่ไหน มีผลต่อความรู้สึกมากแค่ไหน ยิ่งพอเราอยู่ในสถานะตัวละคร เฟิร์นรู้ว่าความรักมันยิ่งใหญ่มาก แต่ก็บอกไม่ได้ เพื่อนมันก็ยิ่งใหญ่มากจนเสียไปไม่ได้เหมือนกัน เขาเป็นคนเดียวที่อยู่ข้างๆ คนที่เรารู้สึกสบายใจ แล้วแลกกับการบอกรักไป มันคุ้มแล้วเหรอ 

มุมมองความรักแต่ละช่วงวัยของใบเฟิร์นเป็นอย่างไร

แค่ไม่กี่เดือนก่อนกับปัจจุบันนี้ก็ต่างกันโดยสิ้นเชิง เฟิร์นยังเชื่ออยู่เลยว่าเฟิร์นอยากแต่งงาน อยากมีลูก เฟิร์นโชคดีที่มีครอบครัวที่ให้ความรัก เราอยากรักใครให้ได้อย่างที่แม่รัก ที่ผ่านมาก็จะคิดว่าชีวิตเฟิร์นจะมีคนรักเพื่อไปถึงการแต่งงานมาตลอด มีอะไรก็ทุ่มเทลงไปหมด เพราะเราเชื่อว่าเราจะไปแตะจนถึงจุดนั้น แต่ความจริงแล้วมันเป็นแค่ความฝันที่เราเอาคนอื่นลงไปสวม เขาไม่ใช่คนที่จะพาเราไปแตะจนถึงจุดนั้นได้แค่นั้นเอง มันก็เป็นการเรียนรู้และเติบโตขึ้น