Editor's Talk - Make (It) Up

จากวิดีโอ ‘ผมคิดว่าไม่ผิดที่ผู้ชายจะแต่งหน้า’ ของเจมี่เจมส์ หรือเจมส์-ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ ใน HAMBURGER Online เมื่อปีที่แล้ว ที่ก่อให้เกิดกระแสไวรัลทั้งการไลก์ การแชร์ และการคอมเมนต์มากมายมหาศาลจนเราเองก็ตกใจ แม้แต่เจมส์เองก็รู้สึกเซอร์ไพรส์ที่มีผู้คนให้ความสนใจในประเด็นที่เขาพูดถึงอย่างท่วมท้น ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ตาม (ตามมาด้วยคลิปการแต่งหน้าของเจมส์ทั้งจาก HAMBURGER เอง และอีกหลายสื่อที่เล่นตามกระแสที่เกิดมาจากเรา) 

ที่บอกว่าตกใจ อาจจะเป็นเพราะเราอยู่ในวงการแฟชั่น เจอดาราแทบทุกวัน ถ่ายแฟชั่นมาตลอดชีวิตการทำงาน การเห็นผู้ชายแต่งหน้า หรือพูดถึงการแต่งหน้า การดูแลความหล่อของตัวเองด้วยผลิตภัณฑ์ความงามต่างๆ ถือเป็นเรื่องปกติ เราจึงไม่คิดว่าสิ่งที่เจมี่เจมส์พูดไปจะกลายเป็นประเด็นถกเถียงในวงกว้างมากมายขนาดนั้น เพราะคิดเองด้วยความเคยชินว่าทุกคนก็คงรู้ว่าเวลาถ่ายแบบ เล่นละคร หรือออกรายการโทรทัศน์ ผู้ชาย (ผู้หญิง และทุกเพศสภาพ) ล้วนต้องแต่งหน้าทุกคน

ผมเอง...แต่งหน้าครั้งแรกตอนเรียนมหาวิทยาลัย เมื่อได้รับเชิญจากรายการหนึ่งของช่องเนชั่นทีวี เพื่อไปพูดคุยประเด็นทางสังคมในนามนักศึกษา/นักกิจกรรมที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ ก่อนจะเข้าสู่รายการ (สด) ทีมงานเชิญให้ไปแต่งหน้า บอกตามตรงตอนนั้นก็ตกใจว่าทำไมต้องแต่งหน้าด้วย เราเป็นแค่นักศึกษา ไม่ใช่ดารา ไม่เห็นจำเป็นต้องแต่งหน้าเลย แต่ก็ยอมแต่โดยดี ช่างประจำรายการเริ่มต้นด้วยการลงอะไรสักอย่าง (มารู้ตอนหลังว่าคือเบส) ตามด้วยรองพื้นแบบครีมโดยใช้แปรงปัดอย่างรวดเร็ว แล้วก็อะไรบางอย่าง (มารู้ทีหลังว่าคือเฉดดิ้ง) จบด้วยแป้งฝุ่น ภายในเวลา 10 นาที 

ผมไม่รู้หรอกว่าทำไมจะต้องแต่งหน้าออกทีวี แต่หลังจากรายการนั้นแพร่ภาพและรีรัน น้าสาวก็โทรมาหาทันทีว่าได้ดูแล้วพร้อมคอมเมนต์ว่าหน้าใสมากกก...โอเค ผมเก็ตแล้ว

ด้วยกระแสจากคลิปของเจมส์ ทำให้เรา--ทีมงาน HAMBURGER คิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว จากอีกประเด็นหนึ่งที่เจมส์พูดในคลิปสัมภาษณ์ว่าอยากจะมีโอกาสเล่นบทที่เป็นผู้หญิงสักครั้ง ประจวบกับกระแสโลกในตอนนั้นเมื่อ Ezra Miller นักแสดงสุด’ติสต์เพิ่งจะแต่งหน้าทาปากแดงใส่เสื้อผ้าผู้หญิง ถ่ายภาพขึ้นปก GQ ของอเมริกา ซึ่งเป็นนิตยสารผู้ชายที่ถือว่าแมนที่สุดในโลก เราก็เลยได้ไอเดียว่า หากระดับโลกมี Ezra Miller แล้ว ประเทศไทยเราก็มีเจมี่เจมส์เหมือนกัน นี่แหละคือที่มาของปกและแฟชั่นเซ็ตนี้

เราคิดคอนเซ็ปต์การถ่ายปกนี้ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว ก่อนที่จะรู้ว่าเจมส์ต้องเล่นเป็นเลิฟ--ตัวละครหญิงที่กลายร่างมาเป็นชายในซีรีส์ Great Men Academy เสียอีก แต่สุดท้ายทุกอย่างก็มาโป๊ะแตกก่อนวันถ่าย เมื่อทางนาดาวยอมเล่าถึงโปรเจ็กต์ซีรีส์เรื่องนี้ ซึ่งในตอนนั้นกำลังเป็นความลับขั้นสุดยอดให้เราฟัง เพื่อที่การถ่ายแฟชั่นเซ็ตนี้และการสัมภาษณ์จะได้สมบูรณ์ที่สุด (ในวันถ่ายปก ผมถามเจมส์ว่าที่แกให้สัมภาษณ์กับ HAMBURGER ก่อนหน้านี้ว่าอยากเล่นบทผู้หญิง แก ‘ตก’ ฉันใช่ไหม คำตอบคือเสียงหัวเราะดังขั้นสุดของเจมส์)

เสื้อผ้าทุกชิ้นที่เจมี่เจมส์ใส่ถ่ายแฟชั่นครั้งนี้ ล้วนเป็นเสื้อผ้าผู้หญิง ตั้งแต่เสื้อผ้าโปร่งสวมทับด้วยแจ็กเก็ตผ้าทวีดของ CHANEL กางเกงปักเลื่อมจับคู่กับเสื้อลูกไม้สีขาว หรือแม้กระทั่งสูทสีชมพูช็อกกิ้งพิงก์ (ซึ่งถ้าคุณเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ HAMBURGER คุณจะคุ้นตา เพราะลีเดียเพิ่งจะใส่สูทตัวนี้ถ่ายแบบไปเมื่อ 3 ฉบับที่แล้ว) และมากไปกว่านั้นคือชุดเครื่องประดับต่างหูระย้าและสร้อยคอแผงที่เจมี่เจมส์ใส่บนปก พร้อมด้วยการแต่งหน้าในแบบ ‘ผู้ชาย’ Korean Trend ผมแสกข้าง เปลือกตาสีชมพู เฉดดิ้งแก้ม และปากสีชมพูจนเกือบแดง ที่ตอนนี้เราก็เห็นเด็กหนุ่มแต่งหน้าในโทนนี้กัน ตั้งแต่วง Got7 ของเกาหลีไปจนถึง 9x9 ของไทย

เราไม่ได้พยายามจะทำให้เจมี่เจมส์ดูเป็นผู้หญิง (หรือดูเป็นตุ๊ดเหมือนอย่างที่มีคนคอมเมนต์ในโซเชียลฯ) และสิ่งที่เจมี่เจมส์ใส่อยู่ทุกวัน ทั้งรองเท้าบู๊ตส้นสูง เสื้อเชิ้ตซีทรู แจ็กเก็ตสไตล์ผู้หญิง เสื้อคร็อปท็อป ต่างหูระย้า ฯลฯ ที่หลายคนเห็นกันชินตาแล้วในอินสตาแกรมส่วนตัวของเขา มันบอกได้เลยว่าเจมส์ไม่ได้พยายามที่จะเป็นอื่นใด นอกจากเป็นตัวของตัวเอง

สันติชัย อาภรณ์ศรี

บรรณาธิการบริหาร