Editor’s talk – B Side วี วิโอเล็ต

เมื่อช่วงวันหยุดสงกรานต์ที่ผ่านมา ผมและเพื่อนอีกสองคนผู้ไม่ได้อพยพไปต่างประเทศหรือไปเล่นน้ำเหมือนใคร ได้นัดไปทำอาหารเย็นกินกันที่ร้าน Eden’s ในขณะที่เจ้าของร้านปิดร้านแล้วหนีไปเที่ยวฝรั่งเศส

ในขณะที่ตูน–อดีตบรรณาธิการนิตยสารและอนาคตเจ้าของร้านอาหารที่กำลังโบกปูนติดกระเบื้องอยู่ข้างๆ ร้าน Eden’s กำลังทำอาหารซึ่งเป็นเมนูทดลองที่จะใช้ขายในร้านของเขา มีแป้งร่ำ–บรรณาธิการสาวจากสำนักพิมพ์ a book เป็นผู้ช่วยและผู้คอยเก็บภาพ

เราเลือกที่จะสร้างบรรยากาศโดยการให้แต่ละคนไปค้นแผ่นซีดีเพลงบนโต๊ะแล้วเลือกสักหนึ่งอัลบั้มมาเปิดฟังกัน มันไม่ใช่เกมอะไรหรอก เพราะอัลบั้มทั้งหมดที่วางอยู่บนโต๊ะถือเป็นความชอบและรสนิยมของเจ้าของร้าน (ซึ่งไม่อยู่) เราในฐานะผู้เลือกหยิบมาเปิดฟัง ก็เลือกที่จะหยิบสิ่งที่ใกล้เคียงกับรสนิยมหรือความชอบของตัวเอง

แป้งร่ำเลือกเปิดอัลบั้มเพลงของ Bob Dylan ส่วนผมเลือก Amy Winehouse อัลบั้ม Back to Black จากความเคยชิน เพราะแทบจะร้องตามได้ทุกเพลง ซึ่งทำให้คิดได้ว่ามีไม่กี่อัลบั้มที่เราฟังจนจำได้ว่าเพลงไหนอยู่หน้า A เพลงไหนอยู่ หน้า B (ในยุคเทปคาสเซ็ตต์) หรือบางทีเพลงที่เราชอบก็อาจจะเป็นเพลงที่ไม่ได้ตัดออกมาเป็นซิงเกิล เป็นเพลงฮิตของเราคนเดียว และคงไม่มีใครรู้จักถ้าไม่ได้ฟังอัลบั้มนั้นทั้งอัลบั้ม หรือบางทีอาจจะเป็นโบนัสแทร็กที่ซ่อนอยู่ท้ายอัลบั้ม หรือเพลงพิเศษในอิดิชั่นที่ออกขายที่ญี่ปุ่น (นักฟังเพลงจะรู้ว่าอิดิชั่นที่ออกขายในญี่ปุ่น จะมีเพลงแถมที่พิเศษและมากกว่าที่อื่นเสมอ)

กระบวนการของเพลงฮิตมีตั้งแต่การแต่งเนื้อร้องให้คล้องจอง ทำนองที่ติดหูง่าย เนื้อหาที่สามารถเข้าถึงได้ทุกผู้ทุกคน ไปจนถึงมิวสิกวิดีโอที่น่าดู หรือการอัดโปรโมตทางโทรทัศน์ วิทยุ หรือลดราคาแผ่นซีดี (มารายห์ แครีย์ เคยใช้วิธีนี้จนเพลงขึ้นอันดับหนึ่งบิลบอร์ดชาร์ตมาแล้ว) แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่สูตรสำเร็จที่การันตีได้ว่าถ้าทำตามนี้แล้วเพลงจะดังจริงๆ เพราะยังมีอีกหลายเพลงดังในอดีตที่ไม่ได้อยู่ในสูตรสำเร็จนี้ และเราเองก็หาคำตอบไม่ได้ว่ามันดังได้อย่างไร

แต่ศิลปินทุกคนก็คงอยากให้ผลงานที่ตัวเองสร้างสรรค์เป็นที่ชื่นชอบและได้รับความนิยมกันทุกคน มากไปกว่านั้นคือการได้ทำเพลงในแบบที่ตนเองเชื่อและใฝ่ฝัน และมีความเป็นตัวของตัวเอง เช่นเดียวกันกับสาวสวยบนปกของเราฉบับนี้ “วี-วิโอเลต วอเทียร์” กับอัลบั้มเพลงสากลอัลบั้มแรกของเธอที่เขียนเอง ทำเพลงเอง ขายเอง โดยไร้ค่ายไร้สังกัด ถึงแม้ว่าเพลงภาษาอังกฤษจะดูสุ่มเสี่ยงต่อการประสบความสำเร็จในฐานะเพลงฮิตในบ้านเราก็ตามที

แต่อย่าลืมว่าเรารู้จักผู้หญิงคนนี้จากเพลง “Leaving on a Jet Plane” ในการประกวดรายการ The Voice หรือการร้องคัฟเวอร์เพลง “Habits (Stay High)” ในยูทูบของเธอก็มียอดวิวกว่าร้อยล้านวิวเลยทีเดียว และในอดีตก็เคยมีศิลปินสาวเซ็กซี่อย่างทาทา ยัง พาเพลงภาษาอังกฤษฮิตติดหูคนทั้งบ้านทั้งเมืองมาแล้ว

แต่ในโลกของเสียงเพลงไม่ได้แค่เพลงฮิตเท่านั้น แม้แต่ศิลปินเองก็ไม่ได้อยากจะร้องแต่เพลงฮิตของตัวเองเท่านั้น (ลองถามเซลีน ดิออน ดูสิว่าร้องเพลง My Heart Will Go On ไปกี่รอบแล้ว) เพราะหากเราจะมองแค่การสร้างเพลงฮิตตามแบบสูตรสำเร็จ เราคงไม่มีโอกาสได้ฟังงานเพลงของ Bjork, Portishead, FKA Twigs, Aurora, Massive Attack, M.I.A., Childish Gambino หรือแม้กระทั่ง Vitas หรอก

อ้อ…ลืมไปว่าเพลงของ Vitas นั้นต้องเรียกว่าเพลงฮิตนะ เพราะรู้จักกันทั่วโลกจริงๆ

สันติชัย อาภรณ์ศรี

บรรณาธิการบริหาร