Don’t Do Drag??? – ทำไมจะไม่แดร็กล่ะ


ต้อนรับ ‘Month of pride’ ของชาว LGBT กันซักหน่อย กับบทสัมภาษณ์ของ ‘ไจ๋ ซีร่า’ หรือ ‘มาดอนน่าเมืองไทย’ ที่เราอาจจะพอเคยเห็นหน้าเขาผ่านสื่อต่างๆ กันมาบ้างกับบทบาท Drag (แดร็ก) มากความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงบนเวที การเอ็นเตอร์เทนคนดู และทักษะการแต่งหน้าที่สามารถแปลงร่างเป็นใครก็ได้ เรียกว่าครบเครื่องเรื่องโชว์


พอพี่ไจ๋บอกว่าตัวเองเป็น ‘แดร็ก’ เลยอยากให้พี่ไจ๋จำกัดความคำนี้หน่อย

-ชายที่แต่งกายในแบบเพศตรงข้าม และจุดประสงค์ของการแต่งกาย ที่จะมีคาแร็กเตอร์ของการแต่งตัวของแต่ละคนแตกต่างกันไป เช่น หนุ่มออฟฟิศกลางวัน แล้วกลางคืนแต่งแดร็ก ที่จะมีอีกบุคลิกหนึ่ง อีกตัวตนหนึ่งที่อยากจะแสดงออกมา

ลุแดร็กลุคไหนที่พี่ไจ๋เคยแต่งออกมาแล้วชอบมากที่สุด

-ส่วนตัวพี่เป็นคนเพอร์เฟ็กชั่นนิสต์ และเป็นคนตัวเล็ก ชอบลุคนิ่งๆ สง่าๆ เชิดๆ Keep Cool ไว้ แต่ด้วยความที่เป็นนางโชว์มาก่อน การสวมบทบาทแดร็กเนี่ยเราจะทำได้หลายคาแร็กเตอร์อยู่เหมือนกัน  

จากการแต่งแดร็กมาหลายปี อยากรู้คุณสมบัติของแดร็กที่ต้องมี 3 ข้อ

1 ความคิดสร้างสรรค์ – มีความคิดสร้างสรรค์ในเรื่องของการแต่งหน้า การดีไซน์ร่างกาย ดีไซน์โชว์

2 สกิล – มีสกิลในเรื่องของการแต่งหน้าเป็นหลัก ถ้าแต่งหน้าไม่ได้ก็เป็นแดร็กไม่ได้ การแสดงโชว์ การพูดในที่สาธารณะ การแสดง การควบคุมโชว์ โฮสต์

3 เอกลักษณ์ ตัวตน – ดึงตัวตนออกมาเพื่อมอบความสุขให้กับคนดู

Master Drag ของพี่ไจ๋คือใคร

-เป็นคนตรงนี้แหละ มั่นใจตัวเองมากเลยไม่มี เอางิ้ดีกว่า เนื่องจากเราชอบเรียนรู้เลยหยิบนู่นนี่เล็กสิ่งละอันพันละน้อยของแต่ละคนมาผสมๆ กันจนกลายมาเป็นไจ๋ ซีร่า ในทุกวันนี้ แต่ถ้าถามว่าแรงบันดาลใจให้เป็นรุ่นพี่นางโชว์ในวงการรุ่นก่อนๆ ก็แล้วกัน จะมีพี่ชาญ ซอย 2, พี่ต๋อย ดีเจ, พี่หลี ฟรีแมน ถ้าระดับโลกก็รูพอล นอกจากตัวตนที่ชัดเจน ก็ยังมีความสามารถที่พิสูจน์ได้แล้วว่าเป็นแม่ของแม่จริงๆ

ตอนนี้พี่ไจ๋ยังทำโชว์อยู่รึเปล่า

-ยังทำอยู่ครับ มันอยู่ในสายเลือดเลย  มันคือจุดกำเนิดของเรา ไม่ทิ้งเลย แต่รับก็รับงานเป็นงานอีเวนต์ และตามงานปาร์ตี้ เป็นไปตามงาน

แดร็กนี่เป็นอาชีพของพี่ไจ๋เลยไหมครับ

-ก็พูดอย่างนั้นก็ได้เลย เพราะตั้งแต่จบมหาวิทยาลัยก็ทำงานนี้มาตลอด แต่ยังไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่คืออะไร จนกระทั่งได้เดินทางไปที่ออสเตรเลียถึงรู้ว่าสิ่งที่ทำมาตั้งนานแล้วเนี่ยคือแดร็ก มันเป็นสิ่งที่เราอยากทำไปตลอดทั้งชีวิต

สามารถทำเงินได้จริงจังกับอาชีพนี้ได้เลย

-ได้เลย สามารถยึดอาชีพนี้ได้เลย แบบที่ต่างประเทศเนี่ย บางคนก็ยึดอาชีพนี้เป็นอาชีพหลักเลย และทำเงินกันได้จริงๆ 


การแต่งแดร็กเนี่ยมันใช้เงินค่อนข้างเยอะอยู่นะ ไม่ว่าจะเป็นพร็อพ เครื่องสำอาง ชุด ซึ่งดูแล้วเนี่ยใช้อุปกรณ์เยอะมาก ตรงไหนมันคือจุดคุ้มทุนของงานเรา

-(หัวเราะ) เอาจริงมันเหมือนการสะสมของเล่น สะสมสิ่งที่เราชอบ แต่สิ่งที่เราสะสมมันต่างจากคนอื่น เหมือนผู้ชายสะสมตุ๊กตา โมเดลหุ่นยนต์ กล้อง แต่เราสะสมส้นสูง เครื่องสำอาง เครื่องประดับ ซึ่งของพวกนี้ก็อาจจะราคาสูงนิดหนึ่ง เพราะมันจะไม่เหมือนของที่ขายกันทั่วไป

จากการที่ไปออสเตรเลีย ได้ไปฝึกฝนสกิลที่เปลี่ยนจากนางโชว์มาเป็นแดร็ก

-ได้เรียนรู้ว่าแดร็กมันคือศิลปะแขนงหนึ่งที่จะต้องใช้ทั้งพรสวรรค์และพรแสวงที่จะสร้างความสุขให้กับคนที่มาดูโชว์เรา ที่เปลี่ยนเราจากนางโชว์มาเป็นแดร็ก และก็ได้เพิ่มสกิลการแสดง ซึ่งที่ไทยจะเน้นการโชว์มีเหมือนเอาผู้หญิงมาแสดงจริงๆ แต่ที่ไจ๋ได้จากที่นู่นมาจะเป็นการแสดงในแบบของการโชว์ที่เหนือจริงหลุดจินตนาการไปเลย การใช้ปากในการลิปซิงค์ สกิลถั่วงาที่ฝึกแบบหนักหน่วงมาก เพราะเราโชว์เพลงสากลไง เราต้องทำให้คนดูที่เค้าฟังเพลงนี้รู้เรื่องอยู่แล้วเชื่อว่าเราร้องจริงๆ  

ความแตกต่างงระหว่างแดร็กกับนางโชว์

-เอาจริงๆ มันอยู่ในขอบข่ายเดียวกันนะ แต่นางโชว์เนี่ยจะมีสาวประเภทสองเข้ามาเป็นตัวหลักของการโชว์  แต่สำหรับแดร็กเนี่ยมันจะชัดเจนมากว่าเป็นการแต่งกายเลียนแบบเพศตรงข้าม และเน้นความเกินจริง

ถามจริงๆ ว่าวัฒนธรรมแดร็กในไทยเนี่ยมันมีอยู่จริงหรือไม่

-โดนถามบ่อยมากนะ ไจ๋พูดได้เลยว่ามันมีมานานแล้ว มันมีอยู่แต่ยังไม่ได้ชัดเจนขนาดนั้น แต่เป็นในลักษณะของการแต่งแดร็กเป็นโอกาสๆ ไป แต่สำหรับเมืองนอกมันกลายเป็นธุรกิจ มีการทำเป็นอุตสาหกรรม

ไหนๆ แล้วก็ขอพูดเรื่องรายการ Drag Race Thailand หน่อย มีกระแสในโลกออนไลน์ว่าพี่อาร์ตไม่เหมากะกับการเป็นโฮสต์ของรายการ อยากถามความเห็นพี่ไจ๋หน่อยว่าคิดยังไงกับเรื่องนี้

-ส่วนตัวเรารู้จักกับพี่อาร์ต อารยา และมองเห็นมุมมองของพี่อาร์ต ทั้งทักษะและประสบการณ์ เอางิ้ดีกว่าพี่อาร์ตอาจจะไม่เหมาะกับจริตของคนไทย เพราะนางดูเป็นคนใจดี เหมือนคุณครูใจดีมาสอนน้องๆ ที่ไม่ได้เกรี้ยวกราดแบบที่เราคาดหวังกันไว้ ในมุมมองพี่เนี่ย พี่มองว่าความสามารถและประสบการณ์ของพี่อาร์ตน่ะเหมาะสมแล้ว

เลือกพิธีกรที่จะมาเป็นพิธีกร ตัดดราม่าให้หมด

-โฮสต์เนี่ยเป็นคนดำเนินรายการ มันจะต้องเป็นคนที่เข้าถึงคนหมู่มากไว้ก่อน น่าจะเลือกเป็นป๋อมแป๋มนะ เพราะนางเข้าถึงง่าย และอย่างป๋อมแป๋มเนี่ยเป็นคนเริ่มต้นทำรายการเทยเที่ยวไทย ที่ทำให้คำว่า ‘กะเทย’ หรือ ‘เทย’ เนี่ย ที่แต่เดิมมันดูเป็นคำเนกาทีฟ ดูติดลบ กลับมาทำให้สังคมมา Humble กับคำว่ากะเทยได้  ซึ่งโฮสต์แบบนี้น่าจะทำให้รายการมันเข้าถึงคนหมู่มากได้ง่าย และสร้างคำว่าแดร็กให้เราคุ้นชินกับมัน

 

แล้วมาดามมดหรือแม่บ้านมีหนวดล่ะ

-แม่บ้านมีหนวดดูจะเป็นแฟชั่นไอคอนมากกว่า ดูให้แรงบันดาลใจทางสายแฟชั่นมากกว่า ส่วนมาดามมดเป็นโฮสต์ที่ฉะฉานนะ แต่ยังขาดความแม่อยู่ เรายังรู้สึกว่ามาดามมดอาจจะยังต้องสะสมบารมีซักพัก

อยากลองเป็นโฮสต์ดูซักวีกมั้ย

-อยากลองนะ แต่ต้องขอทีมงานเพิ่มอีกเท่านะ ขอทีมมาควบคุมดีๆ ด้วย กลัวไปเหวี่ยงคนเข้าแข่งขันเค้าน่ะสิ


ถ้าเป็นโฮสต์เนี่ย อยากให้โจทย์อะไรในการเดินรันเวย์ แล้วเพลงที่จะเอามาให้ Lip Synce for Your Life เนี่ยจะใช้เพลงอะไร

-ขอเลือกสิ่งที่ติดกับตุ๊ดไทยมานานแล้วกัน นั่นคือผ้าเช็ดตัว เป็นสิ่งที่อยู่กับเรามานาน แต่เอามาใส่ความคิดสร้างสรรค์ให้มากขึ้น สิ่งของใกล้ตัวที่เราหยิบมานำเสนอใหม่ๆ เนี่ยมันน่าจะท้าทาย

ส่วนเพลงที่จะมาลิปซิงค์ ขอเป็นเพลงนี้แล้วกัน And I am Telling You ของเจนิเฟอร์ ฮอลิเดย์ ต้องเวอร์ชั่นนี้เท่านั้น เพราะเอาจริงๆ นะในไทยเรายังไม่เคยเห็นใครโชว์เพลงนี้ได้เท่าเราเลย  

คำถามสุดท้ายอยากให้เก็งตัวเต็ง 3 คนสุดท้าย

-จะว่าไปที่มาประกวดนี่ก็รู้จักเกือบทุกคนแล้วนะ เราก็จะรู้ว่าใครมีจุดอ่อนจุดแข็งยังไง แต่ถ้าให้เลือกจริงๆ ก็มองว่า

1.นาตาเลีย เพลียแคม นางเป็นรุ่นเดียวกับพี่ เราจะรู้สกิลกัน นางมีของ

2.แอนเน่ เมย์ หว่อง เป็นเจเนเรชั่นถัดลงมา รู้กันดีเรื่องฝีมือ ไม่ต้องพูดถึงเลย น่าจะเห็นในรายการกันอยู่

3.เดียริส ดอล์ มีสกิลเยอะมาก พี่พึ่งรู้จักได้ไม่นาน แต่สามารถร้องสด เต้น การโต้ตอบกันบนเวที มีเสน่ห์ และมีความเป็นลูกทุ่งสูงมาก เข้าถึงง่าย

หลังจากรายการ Drag Race Thailand จบ และเริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้าง รู้สึกอย่างไรบ้าง

-มันเป็นเรื่องดีที่มีคนรู้จักมากขึ้น แต่รู้จักแล้วพี่อยากให้คนเข้าใจด้วยว่าแดร็กคืออะไร แม้แต่กลุ่ม LGBT เองก็ตามก็ยังขาดความเข้าใจในจุดนี้

พอรู้จักเป็นวงกว้างแล้วเนี่ย จะมีกลุ่มแดร็กหน้าใหม่ที่อยากจะเข้ามาทำงานในวงการนี้ พี่ไจ๋มองถึงการเปลี่ยนแปลงในวงการนี้ในอนาคตยังไง

-พี่อยู่มานานมาก ในยุคตั้งแต่สมัยที่เฟื่องฟูสุดๆ และต่ำลงสุด การที่จะมีคนเข้ามาในวงการนี้ เข้ามาในอาชีพนี้ จะเป็นการเพิ่มการแข่งขัน เพิ่มความหลากหลาย เราจะได้เห็นอะไรใหม่ๆในไทยด้วย

มีอะไรฝากถึงน้องๆ ที่จะเข้ามา

-ความเป็นตัวตนที่ชัดเจน ต้องรู้ว่าตัวเองชอบอะไรจริงๆ และสามารถทำอะไรได้บ้าง  บางคนชอบแค่แต่งหน้า ซึ่งมันอาจจะจำกัดเราไว้ แค่บิวตี้บล็อกเกอร์รึเปล่า เพราะการเป็นแดร็กมันอาชีพที่ต้องมีสกิลครบ การแต่งหน้า ทำผม ออกแบบโชว์ การแสดง โฮสต์ ร้องเพลง และอื่นๆ อีก

สิ่งที่อยู่คู่กับแดร็กเลยเนี่ยคือวิก ทำไมถึงเข้ามาทำธุรกิจวิกผม

-(หัวเราะ) พี่ใส่วิกถูกๆ ไม่ได้ไง มันไม่สวย มันไม่เป๊ะ ทรงมันไม่ได้ ก็เลยคิดว่าถ้าหาซื้อไม่ได้ก็ทำมันเองเลย จะได้แบบที่เราอยากได้ เพราะคิดว่าสิ่งที่เราใส่สวย คนอื่นก็ต้องสวย เราโครงหน้ามาตรฐานอยู่นะ

ทำมากี่ปีแล้ว

 

-5-6 ปีนะ และทำการบ้านมาอย่างดีเลยว่าคนไทยใส่แล้วเหมาะ ใส่แล้วสวย และเอาวิกของเราไปทำทรงอื่นได้หลายทรง แล้วเราก็จะมีทั้งผมหนา ผมบาง มีประเภทของวิกหลากหลาย ธรรมชาติ แดร็ก แฟนซี

ความพิเศษของวิกเราอยู่ที่ไหน

-ความพิเศษของวิกเรานะ มันก็มาจากความฝันของกะเทยเด็กนะ อยากรวบตึง โดยพี่ก็ไปดูเรื่องรูปกะโหลกของคนไทยนะว่ามันจะรวบยังไงจะสวย หัวต้องทุย ต้องทอให้หนาพิเศษรึเปล่า และตั้งเป้าหมายไว้เลยว่าไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง นางโชว์ หรือใครก็ตามที่จะต้องใช้วิก ต้องนึกถึง Sira Wig  

ทิศทางของธุรกิจวิกผม

-อยากเลิกขายแล้ว มันไม่รวยซักที ด้วยความที่เราใส่ใจเรื่องคุณภาพด้วยไง พอมันมีตำหนิ มันไม่ได้แบบที่อยากได้ ก็ต้องตีกลับ มันก็เพิ่มคอสต์ของเราเอง คนก็จะมองว่าเราไปซื้อวิกราคาย่อมเยาดีกว่า ลูกค้าของเราก็จะเป็นเฉพาะกลุ่มมาก อยากขายครีมแทนแล้วเนี่ย แต่มันเลิกไม่ได้ไง เพราะจุดประสงค์แรกของการขายคือพี่อยากใส่วิกดีๆ มันก็เลยเลิกไม่ได้