Confession of a Youngest Child – แม็กซ์ ณัฐพล ดิลกนวฤทธิ์

04.09.18 6,755 views

เรื่องราวความรัก ความสมจริงและบทรักอันร้อนฉ่าของกรและน็อค สร้างชื่อให้ ‘แม็กซ์-ณัฐพล ดิลกนวฤทธิ์’ ผู้รับบท ‘กร’ กลายเป็นนักแสดงหน้าใหม่ ซึ่งเป็นที่รู้จักในเวลาอันรวดเร็ว และเป็นคู่จิ้นให้กับสาววายรวมถึงแฟนคลับของซีรีส์นี้ จากซีซั่นแรก ‘Bad Romance’ สู่
จุดเริ่มต้นที่ทำให้เห็นเรื่องราวความเป็นมาของทั้งคู่ในซีซั่นที่ 2 ‘Together With Me’ ความเดิม 2 ตอนที่แล้วที่ทำให้หลายคนจิ้นฟินจิกหมอนไปแล้วนั้นอาจเรียกได้ว่าเป็นความหอมหวานดั่งในละคร แต่ในชีวิตจริงของทุกคน ความรักไม่ได้โรแมนซ์และโรยด้วยกลีบกุหลาบเพียงอย่างเดียว นั่นจึงทำให้เกิด Together With Me the Next Chapter’ ว่าด้วยความรักที่มากกว่าเรื่องของเซ็กซ์อันหวือหวา แต่มันคือทุกห้วงเวลาที่เกิดขึ้นจริงของความสัมพันธ์ของคนสองคน

แม็กซ์-ณัฐพล ดิลกนวฤทธิ์ หรือ ‘กร’ กลับมาขยายความตอนเดิมและเพิ่มเติมอีกบทใหม่ของความรักครั้งนี้ แน่นอนว่าการกลับมาอีกครั้งไม่ได้มีเพียงแค่ตัวละครที่เขาสวมบทเท่านั้น แต่เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับแม็กซ์มากขึ้น ทั้งเรื่องอนาคต ครอบครัว ความรัก โดยเฉพาะมุมมองของน้องคนเล็กที่เขายอมรับว่าตัวเองร้ายกาจมากแค่ไหน
 


หลังจบซีซั่นที่ 2 Together With Me แม็กซ์ไปทำอะไรมาบ้าง

ไปทำหลายอย่างครับ และก็ไปเรียนการแสดงเพิ่ม 

 

ทำไมยังต้องไปเรียนการแสดงเพิ่มเติมอีก

ผมเรียนนิเทศฯ จุฬาฯ ภาคอินเตอร์ สาขาการจัดการครับ วิชาการแสดงมีแค่เทอมเดียวเอง พอมีโอกาสมาทำงานการแสดงมากขึ้น ผมชอบนะ เลยทำให้ตัดสินใจไปเรียนเพิ่มเพราะรู้สึกว่าที่มีอยู่มันไม่พอ เรายังต้องพัฒนาอยู่ มีหลายๆ อย่างที่เราอยากไปให้สุด 

 

อะไรที่เป็นจุดอ่อนมากที่สุดจนทำให้ต้องเรียนเพิ่ม

เวลาเสียใจ ถ้าผมยืนขึ้นมาได้แล้วผมจะปิดความรู้สึกเสียใจนั้นไปเลย กดมันเอาไว้ไม่ให้มันออกมาอีก จนเราลืมไปแล้วกลายเป็นปมในใจเรา ซึ่งพอมันเป็นแบบนี้มากๆ เราก็ไม่กล้าไปแตะอะไรที่ทำให้เราเสียใจ แต่งานแสดงต้องไปแตะบ่อยๆ จิตใจเราไม่แข็งแรง มันแย่ ในขณะเดียวกันเราก็รู้นะว่ามันคือการแสดง ผมก็เลยเรียน เพื่อจะได้รู้จักตัวเองมากขึ้น เหมือนย้อนกลับมาดูตัวเอง แล้วนำมันออกมาใช้งานให้ถูก

 

ทำให้รู้จักตัวเองมากขึ้นเหรอ

เราทุกคนควรรู้จักเครื่องมือในตัวเองก่อนที่จะนำไปใช้ในการแสดง หลังจากไปเรียนเพิ่มมันทำให้ผมยอมรับตัวเองมากขึ้น ที่ผ่านมาเราไม่เคยยอมรับเลยว่าเราเป็นคนขี้อิจฉา (คนขี้อิจฉา?) คือไม่ถึงขั้นขี้อิจฉาหรอก แต่บางทีเวลาที่เราเห็นใครทำดีมากๆ เราจะมีความรู้สึกไม่พอใจเกิดขึ้น อืม…อาจจะอิจฉานั่นแหละ แต่เราไม่เคยรู้มาก่อนว่าเราเป็น พอมาเรียนตรงนี้ เรารู้แล้วว่าเรารู้สึกอิจฉาอยู่ แต่เราต้องรู้ด้วยว่ามันคือสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกไม่ดี แต่คนทั่วไปจะไม่ยอมรับมัน คนเราปฏิเสธตัวเองในหลายๆ เรื่องมากเกินไป สุดท้ายแล้วมันต้องกลับมาที่เราต้องเข้าใจตัวเองให้ได้ก่อน นอกจากเรียนการแสดงแล้ว ผมก็ฝึกซ้อมร้องเพลงเยอะมาก เพราะผมเป็นคนที่ร้องเพลงแล้วแบบว่า…

 

ทำไมต้องร้องเพลงด้วย

แม็กซ์-ตุลย์มีแฟนมีตติ้งเยอะ เรารู้สึกว่าอยากทำอะไรมากกว่าแค่ไปโชว์ตัว แต่ผมร้องเพลงเพี้ยนและผิดจังหวะมาก ไหนจะต้องมีเต้นด้วย ร้องไปเต้นไปมันแย่จริงๆ แต่เราก็พยายาม เรารู้สึกว่าแฟนคลับให้อะไรเราเยอะมาก เราอยากตอบแทน เราอยากมีเซอร์ไพรส์ให้เขา เวลาเราร้องเพลงขึ้นมาทุกคนก็กรี๊ดกร๊าดเพิ่มขึ้น แต่ในใจเราอยากให้เพลงจบเร็วที่สุด (ยิ้ม) มันยากมากนะ 

 

รู้สึกไหมว่ามันไม่ใช่ทางของเราเลย 

มันไม่ใช่ทางของผมตั้งแต่แรกอยู่แล้ว (แม็กซ์โวยวายพลางหัวเราะ) แต่ผมอยากเซอร์ไพรส์แฟนคลับ ไม่ได้ก็ต้องทำให้ได้ ช่วงที่ผ่านมามีงานมีตติ้งและอีเวนต์รัวมากเลย เราก็ต้องซ้อมทุกวัน ไม่ได้รู้สึกว่าต้องฝืนทำ เพราะทุกครั้งที่ขึ้นบนเวที แล้วเห็นแฟนคลับยิ้ม เห็นเขารอลุ้นว่าเราจะทำอะไรบ้าง เขาให้ใจเราขนาดนี้ เราก็อยากให้ใจกลับไปเหมือนกัน 

 

ประเมินความสามารถตัวเองตอนนี้อยู่ที่ระดับไหน 

3 ดาวจาก 5 ดาวครับ เรื่องเพอร์ฟอร์แมนซ์นะ แต่เรื่องใจผมให้เกิน 100 แน่นอน (หัวเราะ) เวลาที่เราร้องเพี้ยนเราจะมีคนคอยช่วยร้องกลบขึ้นมา นั่นก็คือพี่ตุลย์ ทุกครั้งเราจะหันไปแล้วพบว่า You’ve got my back. 

 

เหมือนมีพี่ชายอีกคน 

เขาเป็น Mr.Nice Guy เขาเต็มใจทำให้เสมอ เราไม่ได้ขอเลย ทุกวันนี้เวลาไปทัวร์ต่างประเทศ เปิดกระเป๋าเดินทางออกมาเขาก็จะช่วยเก็บช่วยดูแล “มึงไปเลย กูเก็บกระเป๋าให้แล้ว” เป็นแบบนี้ตลอด เพราะผมตื่นสาย เขากลัวเราทำไม่ทัน แต่เราก็ตะเกียกตะกายทำทุกอย่าง พยายามกับทุกงานเต็มที่ที่สุดแล้ว (ยิ้ม) ผมรู้สึกว่าเราเป็นพี่น้องกัน ด้วยความที่อยู่ด้วยกันมา 3 ปีแล้ว เขาดูแลเราดี
จนผมไม่รู้จะให้อะไรเขาตอบแทน ผมเลยแอบซื้อรองเท้าให้เขา แต่สุดท้ายผมก็ขอยืมมาใส่เองด้วย แล้วก็ลืมคืน จนเขาต้องเรียกไลน์แมนมารับรองเท้าคืน (หัวเราะ) 

 

รู้สึกอย่างไรเมื่อต้องกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งในซีซั่นใหม่นี้ 

Together With Me ซีซั่นก่อนหน้านี้มันสมบูรณ์แบบแล้ว จบสวยงามมาก ตอนแรกเราก็คิดไม่ออกว่ามันจะเกิดภาค 3 ขึ้นได้อย่างไร แต่ชีวิตจริงของคนเรา ความรักมันไม่ใช่ที่สุดของความสัมพันธ์ แล้วอะไรล่ะคือที่สุด อะไรที่ทำให้คนเราอยู่ด้วยกันอย่างยั่งยืนคำถามนี้มันทำให้เกิดเป็นซีซั่นใหม่ ทำให้เกิดการสำรวจเรื่องราวความรักเยอะมาก ไม่ใช่แค่คู่เกย์เท่านั้นนะ ทุกคู่รัก โดยเฉพาะคู่ที่รักกันมานาน ไอ้สิ่งที่มันเคยหวือหวาในช่วงแรกคืออะไร ทำไมมันค่อยๆ หายไป 

 

ได้ข่าวมาว่าการกลับมาเจอกันอีกครั้ง แทนที่ทุกอย่างจะง่าย กลับกลายเป็นว่าโดนดุไม่เป็นท่าเลยเหรอ

มันก้าวกระโดดครับ ตัวละครในเรื่องมันคือการเติบโตของคนในช่วง 5 ปี ตั้งแต่ในเรื่อง Together With Me ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นความรักของกร-น็อค สู่ Bad Romance ที่ทั้งคู่เป็นแฟนกันแล้ว ถึงแม้ว่าการออนแอร์จะสลับกันก็ตาม แต่เนื้อเรื่องมันคือทั้งคู่อยู่ด้วยกันมา 5 ปีแล้ว จนกลายมาเป็น Together With Me the Next Chapter ทุกตัวละครมันต้องมีการเติบโตและเปลี่ยนแปลง ซึ่งตัวผมไม่เก็ตไง เพราะเราไม่เคยอยู่กินกับใครตั้ง 5 ปี อยู่กินแบบที่พ่อแม่ไม่รู้ด้วย เรานึกภาพไม่ออก ภาพในหัวผมกับพี่ตุลย์มันแตกต่างจากผู้กำกับเลย 

ช่วงแรกๆ เลยต้องจูนกันอย่างนี้ และถ่ายติดๆ กันมาก เราต้องเดินหน้าต่อเนื่องเลย ซีนนี้เสร็จต้องต่ออีกซีน ทั้งๆ ที่ในใจเราก็มีโมโหหรือโกรธ หงุดหงิดมากเลย ทำไมวุ่นวายไปหมด (โกรธอะไร?) โกรธไปหมด อย่างแรกเลยคือโกรธที่เล่นไม่ได้เสียที สักพักพอเราเล่นได้ อารมณ์เรากำลังมาแล้ว ช่างไฟไม่พร้อม เราก็โกรธ แต่พอมาคิดดีๆ ถ้าเราเก่งพออะไรก็ไม่เกี่ยวหรอก ไม่เกี่ยวกับช่างไฟ มันมีความรู้สึกแบบนี้ติดๆ กัน เป็นบ้าเป็นบออยู่อย่างนี้  

 

การเติบโตของตัวละครที่ชื่อ ‘กร’ เป็นอย่างไร 

ผมว่ากรมีความเป็นผู้ใหญ่ตั้งแต่แรกแล้ว แต่สิ่งที่เติบโตขึ้นจนถึงตอนนี้คือเรื่องความรักของกร ที่ผ่านมาวัยเด็กของกรยอมทำทุกอย่างเพื่อความรักล้วนๆ แต่ยิ่งโตเขายิ่งมีเหตุผลเข้ามาร่วมด้วยมากกว่าใช้ความรู้สึก และตัวกรเองต้องทำให้ตัวเองโตเป็นผู้ใหญ่ เพราะที่บ้านของกรคาดหวังในตัวเขามาก เขาจะไม่ทำให้แม่เสียใจ ไม่ทำให้แม่ลำบาก ยิ่งไปกว่านั้นกรคือตัวละครที่มีปมเรื่องพ่อ
พ่อทุบตีมาตั้งแต่เด็ก กรคือตัวละครที่ต้องพยายามเข้มแข็งและเป็นผู้ใหญ่

ทั้งที่ความจริงแล้วเขาไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย เขาใจร้อน เขาอ่อนแอ เขาต้องการความรักและวิ่งเข้าหาความรักตลอดเวลา แต่ทุกความต้องการมันหยุดไว้ด้วยเหตุผล และในทุกซีซั่นมันทำให้เห็นว่ากรต้องกลับมาคิดและต่อสู้กับตัวเองจริงๆ แล้วว่าอยากทำตามความต้องการหรือทำตามเหตุผล 

 

ครั้งที่เจอกันล่าสุด แม็กซ์บอกกับเราว่าอยากพิสูจน์ตัวเองให้ครอบครัวเห็น ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง

ผมว่ามาได้ครึ่งทางแล้วนะ ผมแค่อยากพิสูจน์ให้ที่บ้านเห็นว่าผมอยู่ได้ด้วยอาชีพนี้ อยู่ตัวคนเดียวได้ แต่ตอนนี้มันยังมีบางอย่างที่ต้องพึ่งพาที่บ้าน เช่น จ่ายค่าประกันรถ มันแพงมากเลยนะครับ (หัวเราะ) แต่ค่ากินค่าอยู่ผมไม่เคยขอพ่อแม่เลยผมว่าตอนนี้ผมก็อยู่ได้นะ แต่ว่าเราจะอยู่ได้ถึงเมื่อไร ผมอยากสร้างความมั่นใจว่าเราอยู่ได้จริงๆ เรามีเงินเก็บมากพอที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้ที่บ้าน ถ้าวันหนึ่งเขาไม่อยู่ก็สบายใจว่าเราอยู่ได้ สร้างความมั่นคงมากพอที่จะมีครอบครัวได้

 

ตอนนี้อายุเท่าไร

24 ปีครับ แต่พ่อของผมรวยแล้วนะตอนอายุ 24 มันถูกเปรียบเทียบ พ่อถามผมว่าหาได้แค่นี้เองเหรอ สำหรับผมรู้สึกว่ามันเยอะมากกว่าคนที่เพิ่งจบรุ่นเดียวกับผมแล้วนะ พ่อก็จะพูดต่อไปว่าไหนซื้อบ้านให้ดูหน่อยสิ เราก็ยิ่งแบบ…โอ้โห ซื้อบ้านนี่มันเรื่องใหญ่มากนะ แต่สุดท้ายแล้วผมก็คิดว่าเราก็ต้องมีบ้านเป็นของตัวเองจริงๆ เราต้องมีเรือนหอ เราอยากให้พ่อแม่อุ้มหลาน ผมเป็นคนคิดไกลอย่างนั้นเลย 

 

คิดแบบนี้เพราะโดนบีบบังคับหรือเปล่า 

มันมาจากความรักของพ่อแม่ ทำให้เรารู้สึกว่าครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ทำให้เราอยากมีครอบครัวอย่างที่เขามี เวลาเห็นพ่อแม่อุ้มเด็กเล็กๆ แล้วพวกเขาดูโคตรมีความสุขเลย เราอยากเติมเต็มสิ่งเหล่านี้ให้เขา แต่ทุกอย่างก็ต้องพร้อมก่อน

 

ช่วงเวลาไหนที่รู้สึกว่าเริ่มพิสูจน์ตัวเองให้พ่อแม่เห็นแล้ว

ตั้งแต่ตัดสินใจมาอยู่ค่ายทีวี ธันเดอร์ ครับ เราอยากโต เราอยากให้ที่บ้านรู้ว่าเราชอบการแสดง เราอยากให้เห็นว่าเราทำได้ เราไม่ได้เรียนจบแล้วอยู่ว่างไปวันๆ อีกอย่างหนึ่งตอนนั้นเราคิดว่าเราน่าจะได้เจอผู้หญิงน่ารักๆ จากที่นี่ แถมตอนนั้นเรามาแคสติ้งบทกร เรารู้ว่าจะมีน็อค ตอนแคสต์เป็นพี่ผู้หญิงตัวเล็กๆ กระโดดขึ้นหลังเรา น่ารักกก คิดในใจว่าตอนเล่นจะไม่ให้ลงจากหลังเลย พอวันฟิตติ้งภาพของน็อคคือพี่ตุลย์ ผมแบลงก์ไปเลย (หัวเราะ) 

 

ช่วยย้อนกลับไปตรงความรู้สึกที่ต้องเล่นซีรีส์เรื่องนี้อีกครั้งได้ไหม 

ครั้งแรกผมเล่นแบบคนไม่เข้าใจการแสดงเลย ไม่เข้าใจสิ่งที่ทำอยู่ เล่นแข็งมาก นี่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ผมไปเรียนการแสดงเพิ่ม พอรู้ว่ามีซีซั่นต่อไปรู้สึกกลัวมาก กลัวจะเล่นไม่ดี เพราะซีซั่นนี้บทเด่นอยู่ที่คู่เราเลย แต่ผมก็พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าผมเล่นดีขึ้นได้ หลายคนบอกว่าเหมือนคนละคน ผมว่านอกจากเรื่องการแสดงแล้ว มันต้องเปลี่ยนมายด์เซ็ตด้วย ตอนแรกเราไม่เข้าใจ เราไม่ยอมรับเรื่องชายรักชาย แต่สุดท้ายเราเปิดใจได้ เราเข้าใจว่าความรักมันไม่มีเพศสภาพ เราทุกคนล้วนต้องสู้กับความรัก เรายังอยากให้คนมารักเราเลย แต่นี่เป็นความรักที่ต้องพยายามมากกว่าเราอีก เพราะสังคมกีดกัน มันเลยยิ่งทำให้เราเปิดใจและเอาใจช่วยความรักของเขา 

 

ก่อนหน้านี้มีมุมมองความรักเพศเดียวกันอย่างไร 

ไม่ได้ห้ามใครรักกันนะ และไม่ได้กลัว แต่เราไม่เข้าใจว่ามองหน้าผู้ชายด้วยกันแล้วมีอารมณ์มันเป็นอย่างไร อันนี้พูดจริงๆ เลยว่าเพราะเราไม่เข้าใจ แต่พอไปเรียนการแสดงเพิ่ม มันคือการได้สำรวจตัวเอง ย้อนดูว่าตัวเรากำลังทำอะไรอยู่ ตอนนี้รู้สึกอย่างไร เขาให้เราเขียนทุกอย่างทุกความรู้สึกออกมา ผมเขียนมันออกมายาวกว่าหน้ากระดาษ A4 อีก ทำให้รู้ว่าเรามีอะไรในใจเยอะมาก (เมื่อเขียนออกมาแล้ว เกลียดตัวเองบ้างไหม?) เราทำได้แค่ยอมรับมัน เพราะนี่คือตัวเรา 

นอกจากนี้สิ่งที่เราเรียน แล้วนำมาใช้ในการแสดงจริงๆ ก็คือเราต้องรู้จักเปิดใจแล้วมองว่าส่วนไหนที่ทำให้เรามีอารมณ์มากที่สุดได้ เราต้องพยายามมองหา แล้วสุดท้ายมันเกิดขึ้นได้จริงๆ 

 

ส่วนไหนที่ทำให้เกิดอารมณ์

ตาของพี่ตุลย์ครับ ตาของเขายั่วยวนมาก จากนั้นเราก็แค่ปล่อยตัวเองไป จูบจริงแม่งเลย 

 

สำหรับการแสดงที่เปลืองตัวกับผู้หญิงและเปลืองตัวให้ผู้ชาย ความรู้สึกแตกต่างกันแค่ไหน

ผมได้ลองแล้วครับ ในที่สุดผมก็ได้เล่นเลิฟซีนครั้งแรกกับผู้หญิง ในซีรีส์ Bangkok รัก Stories ซีซั่น2 ครั้งนี้ได้เล่นคู่กับพี่นิโคล เทริโอ ด้วย แต่พอเล่นแล้วต้องจูบจริงๆ ผมกลับไม่สบายใจเลย เราทำได้ไม่เท่าผู้ชาย คือตอนเล่นกับผู้ชายเราไม่ต้องให้เกียรติกันมากมาย เราเล่นได้เลย แต่พอเป็นผู้หญิงเราแคร์เขา เราอยากเซฟเขา เราไม่รู้ว่าทำอะไรได้บ้าง 

 

แล้วในเรื่องของการเข้าถึงบทบาทเลิฟซีนที่ต้องเปลือยกาย สำหรับตัวแม็กซ์เป็นอย่างไร 

สำหรับผมท่อนบนไม่เท่าไรนะ แต่ท่อนล่างเราก็ต้องเซฟตัวเองในแบบที่เราสบายใจมากที่สุด ส่วนอื่นๆ ก็คือเราก็ต้องเข้าฟิตเนสอาทิตย์ละ 3-5 วัน เพื่อฟิตร่างกาย แต่อย่างท่อนล่างเราไม่สบายใจที่จะให้ใครมาเห็นแก้มก้นเรา มันไม่สวยพอ เรายังไม่พร้อมขนาดนั้น ถ้างานไม่ดีเราก็ไม่อยากปล่อยออกมา (หัวเราะ)

 

ฟิตหุ่นเพื่อให้รูปร่างดีเหรอ

เราไม่ได้ทำให้ออกมาดูดีแค่ในจอ เราอยากเอาชนะตัวเองด้วย ตอนนั้นอยู่ดีๆ เราก็อยากเป็นคนที่เท่ขึ้น ซึ่งต้องดูแลการกิน ต้องกินอกไก่ทุกวันมันไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนทำได้ มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้วนะ และมันทำให้ผมเปลี่ยนเป็นคนละคนเลย จากไอ้ย้วยสู่ไอ้ตัวแน่น โอ้โห! อย่างเท่ พอดีผมได้เจอพี่เจ จินตัย ในฟิตเนส หุ่นโคตรเท่เลย อายุตั้ง 40 แล้ว ผมเลยเดินเข้าไปถามว่าเขาทำอย่างไร เขาแนะนำครูบิวให้เรา มารู้ตอนหลังว่าเขาเป็นเทรนเนอร์ที่ฮอตมาก ซึ่งพี่เจเตือนล่วงหน้าว่าครูบิวโหดมาก ชนิดที่ว่าถ้าทำไม่ได้ตามตาราง เขาไม่เทรนให้และพร้อมคืนเงินให้นะ เราก็เลยอยากลองดูสักตั้ง ตื่นมาต้มไก่ตั้งแต่ 6 โมงเช้า จากคนที่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ก็ลุกขึ้นมาทำอะไรแบบนี้จนได้ 

 

ย้ำด้วยน้ำเสียงหนักแน่นขนาดนี้ แสดงว่าชีวิตแม็กซ์เปลี่ยนไปมาก

ตอนเด็กผมโดนสปอยล์มากครับ ราชาเลยครับ (ยิ้ม) ผมอยากได้อะไรก็ต้องได้

 

เพราะเป็นลูกคนเล็กเหรอ

ใช่ครับ และคุณแม่รักเราที่สุด 

 

รู้ตัวขนาดนั้นเลยเหรอ

ทุกคนบอก พี่สาวก็บอก แล้วพี่สาวก็ชอบรังแกผม ผมเหมือนซินเดอเรลล่าโดนพี่สาวแกล้ง แล้วร้องไห้ไปเกาะแขนคุณแม่ (ร้ายกาจมากเลยนะ) ร้ายกาจมากจริงๆ แต่ผมก็ถูกพี่แกล้งเยอะเหมือนกัน ก็สลับกันเอาคืน ที่ผ่านมาก็โดนทำโทษบ่อยนะ ผมกลัวพ่อมาก ไม่กล้าดื้อกับพ่อ แต่ว่าพ่อจะลุยงานหนัก กลับมาบ้านเฉพาะช่วงสุดสัปดาห์ กลับมาทีพี่สาวจะแอบฟ้องว่าผมทำอะไร แม่ซื้ออะไรให้บ้าง แม่ก็โดนดุไปด้วย (ยิ้ม) 

ทุกอย่างที่ทำในตอนเด็กผมเกินเรื่องหมดเลย (ยกตัวอย่างความเกินเรื่องที่สุดให้เราที) ผมนอนกินป๊อปคอร์นดูทีวีอยู่ แล้วอยากเปลี่ยนช่อง รีโมตวางอยู่บนโต๊ะข้างหน้าผม แต่ผมโทรเรียกคนงานที่อยู่ชั้นล่างขึ้นมาชั้น 5 เพื่อมาหยิบรีโมตให้ผม… อยากได้อะไรก็ร้องเลย ร้ายกาจมั้ยล่ะ 

 

อะไรที่หยุดแม็กซ์ได้

ความดีมั้งครับ คือทุกสิ่งที่ผมทำมันไม่ดี ช่วง ม.ต้น ผมหนักขึ้นเรื่อยๆ ติดเพื่อนมาก ถึงขนาดว่าไม่ยอมกลับบ้าน ใครห้ามก็ไม่ฟัง แล้ววันหนึ่งน้าของผมทนพฤติกรรมของผมไม่ไหวแล้ว ผมก็โมโหด้วย จะพูดอะไรเยอะแยะวะ ก็อารมณ์ขึ้นใส่เขาตอนนั้นจำไม่ได้ว่าน้าพูดอะไร แต่มันทำให้อารมณ์ผมพุ่งมากจนขาดสติ กระชากคอเสื้อจะต่อยหน้าเขา แล้วยั้งมือทัน นี่คือแม่คนที่สองของเรานะ เขาเลี้ยงเรามาตั้งแต่เด็ก ทำให้ผมย้อนดูตัวเองว่าทำไมเราเลวขนาดนี้ เราต้องหยุดได้แล้ว และผมก็หยุดทุกอย่างเลย เปลี่ยนเป็นคนละคนไปเลย

อีกอย่างหนึ่งผมได้รู้จักกับคุณครูคนหนึ่ง เขาเป็นอีกคนที่สอนให้ผมเป็นคนดี ทำให้ได้รู้ว่าการเป็นคนดีจะทำให้เราได้แต่สิ่งดีๆ กลับคืนมา เหมือนมีคนนำทางเรา ผมว่าผมโชคดีมากที่ได้รู้จักกับครูไม่อย่างนั้นผมคงเสียคนไปแล้ว หลังจากที่คิดได้เราก็กราบเท้าทั้งน้าและพ่อแม่กับทุกอย่างที่เราเคยทำลงไป 

 

นอกจากเรื่องครอบครัวแล้ว เรื่องความรักของ ‘กร’ และ ‘แม็กซ์’ แตกต่างกันอย่างไร 

กรเป็นคนไม่เจ้าชู้เลย เป็นคนซื่อสัตย์กับความรักมาก แต่ตัวจริงผมเจ้าชู้นะ (ยิ้ม) แต่ในความเจ้าชู้ผมให้เกียรติคนที่เรารักมาก เรารู้ว่าเราเลือกทำได้ เลือกที่จะคุยกับคนอื่น หรือเลือกจะเดินไปกับคนอื่นหรือเปล่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่ตัวเราเองว่าจะเลือกอะไร สำหรับผมสุดท้ายแล้วสิ่งสำคัญที่สุดคือความซื่อสัตย์ 

 

เจ้าชู้ในที่นี้หมายถึงอะไร

บางครั้งที่เราเจอคนสวยมาก สวยจนคิดว่าหลุดมาจากไหนวะเนี่ย อยากคุยด้วย แต่เราก็ทำได้แค่มองไง แบบนี้เรียกว่าเจ้าชู้ไหม คือถ้าไม่เจ้าชู้ต้องไม่รู้สึกอะไรเลย แต่ผมยังรู้สึกไงแต่สุดท้ายเราได้แค่มองอยู่ตรงนี้เพราะเรามีแฟนแล้ว

 

คนเจ้าชู้มักมั่นใจว่าตัวเองหล่อ แม็กซ์คิดว่าตัวเองหล่อไหม 

ไม่มั่นใจเลย แต่รู้สึกว่าหล่อหรือไม่หล่อมันไม่เกี่ยวกับการจีบสาวนะ ถ้าอยากได้ก็ต้องทำ ตอนเด็กๆ เคยมีถึงขั้นเดินเข้าไปจีบบนรถไฟฟ้านะ 


ผู้หญิงสวยในสายตาแม็กซ์เป็นยังไง

ตอนเด็กกับตอนโตมันต่างกัน สังคมเด็กผู้ชายในโรงเรียนชายล้วน คนนี้สวยที่สุดใครจีบได้โคตรเท่เราหลงความสวยความงามแบบนั้น เราก็จีบได้นะ แต่ก็คบกันไม่นาน ตอนนั้นเราจริงจังและจริงใจมาก แม่เราสอนว่าอย่าทำอะไรผู้หญิงจนกว่าจะแต่งงานนะลูก ตรงนี้เป็นเรื่องที่ผมไม่เคยดื้อเลย เพราะเราได้รับนิสัยอ่อนโยนและใจอ่อนนี้มาจากแม่เยอะมาก จนรู้ตัวอีกทีเราก็เป็นคนแบบนั้นไปแล้ว 

ผมชอบผู้หญิงสวย ซึ่งคนสวยก็ต้องมีคนจีบเป็นธรรมดา ผมเจอผู้หญิงน่ากลัวบ่อยๆ ซ้ำๆ เจอแต่คนเจ้าชู้ เคยถึงขั้นที่มองว่าผู้หญิงทุกคนบนโลกโกหกเราหมดเลย ยกเว้นแม่ตัวเอง เรารู้สึกถึงขั้นว่าผู้หญิงบางคนพูดอะไรออกมาเราจะคิดว่าตอแหลชัวร์ อะไรที่พูดออกมาดีเรามองในแง่ร้ายหมดเลย เพราะเราเจอมาซ้ำๆ จริงๆ แต่ตอนนี้เราโตขึ้นเยอะแล้ว ความรู้สึกมันก็ไม่เหมือนตอนนั้น มุมมองเราเปลี่ยนไปเยอะ 

 

ทุกวันนี้มีความรัก ไม่กลัวเรตติ้งตกเหรอ

ไม่ได้คิดเรื่องนั้น เพราะผมเคยถามแฟนคลับแล้วว่ารักผมที่เป็นแม็กซ์ หรือรักที่ผมเป็นกร เขาก็บอกว่ารักที่ผมเป็นตัวผม ผมไม่คิดจะหลอกใครเพื่อแลกกับเรตติ้ง ผมก็เป็นตัวเองอย่างที่เป็นนี่แหละ 

 

ออกสื่อได้ไหม 

ผมรู้สึกว่าเราโตพอที่จะไม่จำเป็น..คือส่วนตัวผมไม่ออกสื่อตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว ผมขี้เกียจมานั่งลบรูปตอนที่เราเลิกกัน ผมว่ามันเจ็บปวด ความรู้สึกดีๆ ของเราไม่ได้อยู่ที่คนอื่นได้มองเห็นว่าเขารักกัน ไม่ได้อยู่แค่ในโทรศัพท์มือถือ 

ผมว่าตรงนี้มันเหมือนกรนะ กรก็เป็นคนที่ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องความสัมพันธ์เลย เพราะกลัวการกีดกัน กลัวโดนกดดันจากเรื่องเพศสภาพ ผมว่ากรกลัวจะรู้สึกว่าไม่มีค่า กลัวโดนดูถูกเรื่องความรักทั้งที่เขาบริสุทธิ์ใจมาก ส่วนแม็กซ์เองก็เป็นคนที่รักใครแล้วรักมาก ให้เขาหมดเลย แต่สิ่งหนึ่งที่อยู่ในตัวแม็กซ์ที่แม้จะรักและให้ได้มากแค่ไหน แต่ถ้าเขาทำให้เรารู้สึกไม่มีค่า ทำให้เราเจ็บเราก็จะออกมาจากตรงนั้น 

 

ค่อนข้างอินกับ ‘กร’ มากใช่ไหม

พอมาถึงซีซั่นนี้มันสมจริงขึ้นมาก ในแง่เทคนิค ทุกการแสดงที่เล่นไม่มีของปลอม ไม่มีน้ำตาเทียมในเรื่องเกิดการเสียใจเยอะมาก บทสนทนามันซับซ้อน แสดงออกทางอารมณ์และสื่อสารทุกอารมณ์ออกมาได้เต็มร้อย ส่วนที่อินที่สุดในเรื่องคือซีนที่ขัดแย้งกันกับพ่อ ในเรื่องเรากลัวพ่อมาก เราโดนตีตั้งแต่เด็ก มันคือปมของกรที่กลัวโดนทำร้าย เมื่อซีนที่พ่อรู้เรื่องของกร เขาด่าเราเหมือนเราไม่ใช่ลูกเขา “มึงมันวิปริต ไม่ใช่ความรักหรอก มันมีแต่ความอยากได้กันทั้งนั้น” มันส่งพลังที่สุดแล้ว เราเค้นทุกความรู้สึกข้างในออกมาเลย ที่เหลือก็ต้องดูกันต่อเองนะครับ 

 

เคยคิดไหมว่าวันหนึ่งแม็กซ์อาจจะหลงรักผู้ชายสักคนขึ้นมาจริงๆ

นอกจาก Together With Me the Next Chapter ก็มีเรื่อง สิงหานาคา แล้วก็ Bangkok รัก Stories แล้วปลายปีนี้ผมจะมีซีรีส์ เสน่หาสตอรี่ อีกเรื่องที่ต้องเล่นกับมิก รชยา (รองชนะเลิศอันดับหนึ่ง มิสทิฟฟานี่ปี 2014) เรื่องนี้ไม่มีความเป็นผู้ชายอยู่เลยครับ จะบอกว่าตอนนี้ผมได้ทุกเพศแล้ว ซึ่งก็เป็นอีกเรื่องที่ยากมากนะ 

ผมเคยคิดเหมือนกันว่าตัวเองอาจจะเป็น Asexual* คือการหลงรักตัวตนของเขา ไม่ใช่เพศสภาพ แต่จริงๆ เราไม่ได้เป็น ผมยังรักได้แค่ผู้หญิง (ยิ้ม) 

 

ผ่านการเปิดใจมาแล้วเหรอ 

เปิดใจกับตุลย์นี่แหละ…จริงๆ นะ มันจะมีมุมที่ว่าเราเป็นหรือเปล่าวะ มันต้องมีคนถามตัวเองแบบนี้บ้างแหละ เราอยู่ชายล้วน มีคนเป็น แล้วเราล่ะเป็นไหม ตอนนี้ยังไงก็รักได้แค่ผู้หญิงครับ 

 

ชีวิตก่อนเบญจเพสของแม็กซ์ในวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง 

ชีวิตผมมีจุดเปลี่ยนเยอะมาก มันคือโรลเลอร์โคสเตอร์ ขึ้นสุดลงสุดตลอดเวลา แทบไม่เป็นเส้นตรงเลย ครูคนนั้นเคยสอนผมว่าเราต้องเข้มแข็งไม่ว่าจะยังไงก็ตาม คนเราเลือกที่จะเข้มแข็งด้วยตัวเราเองได้ จุดที่ต่ำสุดในชีวิตที่ผ่านมาคงเป็นเรื่องความรักมั้งครับ เพราะผมเซ็นซิทีฟกับเรื่องนี้ เราเป็นคนไว้ใจและเชื่อใจ แต่เราเจอเรื่องแย่ๆ เราโดนหลอกซ้ำๆ ทำให้เรารู้สึกไม่เหลืออะไรเลย ส่วนที่ดีที่สุดก็คือการที่ผมเปลี่ยนตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้นของครอบครัวได้ มันทำให้รู้สึกว่ามีความสุขจัง ซึ่งปีหน้าวางแผนไว้ว่าถ้าไม่ติดงานอะไร ผมอยากบวชให้พ่อแม่ ถ้าแม่ได้จับชายผ้าเหลืองเรามันคงเป็นอะไรที่น่ารักจังเลย ตอนเด็กเราทำไม่ดีไว้มาก เราก็อยากทำอะไรดีๆ ให้เขา และคนที่ทำอะไรเต็มที่อย่างผม ผมเชื่อว่าถ้าผมตัดสินใจบวช ผมต้องได้อะไรดีๆ กลับมาแน่นอน