คุยเรื่องแมวๆ ในหนังเรื่อง CATOPIA กับ วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง

21.12.18 2,512 views

ในเวลาไล่เลี่ยกันกับหนังเรื่องสิงสู่’   วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง  ก็มีหนังอีกเรื่องออกมาให้ได้ดูกัน หนังชื่อแปลกเรื่องก็แปลอย่าง ‘Catopia’ หรือในชื่อไทยว่า ‘เมืองแมววิปลาส’  อันเป็นหนังในโปรเจ็กต์ Ten Years Thailand โครงการภาพยนตร์ที่ตั้งคำถามกับประเทศไทยว่า ในอีก 10 ปีข้างหน้า ประเทศนี้จะเป็นอย่างไร  จากมุมมอง ความคิด จินตนาการของ ผู้กำกับ 4 คนคือ อาทิตย์ อัสสรัตน์ วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง, จุฬญาณนนท์ ศิริผล และอภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ออกมาเป็นหนังแมวๆ ที่ไม่ได้ทำมาให้ทาสแมวดูเท่านั้น 




เล่าถึงไทม์ไลน์ในการทำงานให้ฟังหน่อย

Catopia เป็นหนังปีที่แล้ว ถ่ายเดือนพค ปีที่แล้ว ส่วนสิงสู่เพิ่งถ่ายพค ปีนี้ เทนเยียร์สเป็นโปรดิวเซอร์ที่เรารู้จักและสนิทกันมาชวนทำโปรเจกต์นี้ ที่มี ผกก หลายๆ คน มาทำหนังสั้นคนละเรื่อง มาจากเทนเยียร์สฮ่องกง เป็นโปรเจกต์ที่ทำแล้วประสบความสำเร็จมาก เลยอยากต่อยอดให้มีเทนเยียร์สในทุกประเทศ ไทยเราก็เลยทดลองเป็นเรื่องที่สอง ก็ได้ผู้กำกับชื่อใหญ่ๆ อย่างอภิชาติพงษ์, อาทิตย์ อัสสรัตน์, จุฬญาณนนท์ จริงๆ ตอนแรกมีมะเดี่ยวด้วย โปรเจกต์นี้มันน่าสนใจ แค่ชื่อผู้กำกับเราก็รู้สึกว่าเราอยากร่วมเป็นส่วนหนึ่ง แต่ประเด็นมันก็เป็นสิ่งที่เราเคยคิดๆ ไว้เหมือนกัน ก็เลยลงตัว


โจทย์ของเทนเยียร์สคืออะไร

จริงๆ เขาให้อิสระทำเรื่องอะไรก็ได้ เพียงแต่ว่าอาจจะพูดถึงอนาคตประเทศไทย หรือประเด็นที่เราอยากจะพูด สิ่งที่เราเห็นในปัจจุบันก็ได้ จะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับการเมืองก็ได้ หรือจะเกี่ยวกับความรู้สึกส่วนตัว พูดในฐานะคนไทยที่อยากจะพูดถึงประเทศตัวเองไม่ว่าจะในปัจจุบันหรืออนาคต เขามองว่าภาพยนตร์เป็นสื่อที่ควรจะพูดถึงสิ่งเหล่านี้ได้บ้าง ก็เลยทดลอง 


แต่ละผกก. รู้ไหมว่าใครทำเรื่องอะไร

ไม่รู้เลยจนกระทั่งเสร็จถึงจะได้ดูกัน 


คุณเลือกนำเสนอประเด็นอะไร

ของผมเป็นประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ของคนในสถานการณ์ที่ประเทศไทยค่อนข้างแตกแยก เราจะอยู่ในสังคมแบบนี้ยังไง จะทำตัวยังไง หรือจริงๆ แล้วมันมีเรื่องของเพื่อนฝูง มิตรภาพที่มันหายไปของการไม่เข้าใจกัน หรือบางคนก็เกลียดชังกัน การล่ากัน อะไรอย่างนี้ แต่ว่าไม่ได้พูดตรงๆ เป็นแนวเปรียบเปรย imply ผมไม่ถนัดแนวจริงจังก็จะไปแฟนตาซีหน่อยๆ 




โดยเล่าผ่านแมว?

ครับ มันชื่อเรื่อง แคทโทเปีย ใช้ซิมโบลิก ว่าแมวครองโลก เหลือมนุษย์อยู่คนเดียว แล้วมนุษย์คนนั้นจะอยู่ในโลกนั้นยังไง 


ทำไมถึงต้องเป็นแมว

ผมรู้สึกว่าแมวมีบุคลิกที่น่าสนใจ ที่เป็นตัวของตัวเอง บางมุมเขาก็น่ากลัวนะครับ หมานี่ส่วนใหญ่จะน่ารัก เป็นเพื่อน เวลามันมองเราแววตาซื่อสัตย์สุดๆ แต่แมวเวลามันมองเราบางทีเราไม่รู้ว่ามันคิดอะไร มันอาจจะอยากแดกเราก็ได้ ในมุมนั้น มันคงรู้สึกว่าถ้าเราตัวเล็กกว่ามันหน่อยมันอาจจะแดกเราก็ได้ มันเป็นสัตว์ที่เราควบคุมไม่ได้ 


คุณชอบแมวอยู่แล้ว?

อ๋อ ไม่ชอบๆ เป็นคนเกลียดแมวมาก (หัวเราะ) ชอบหมา แต่ไม่ได้เกลียดถึงขั้นรังเกียจ เคยเลี้ยงทั้งแมวและหมา แต่ชอบหมามากกว่า


ถ้าเจอแมวเล่นไหม อุ้มไหม

ไม่ถึงกับเล่น แต่ชอบดูพวกคลิปแมวที่ขำๆ แมวมีมุมแบบนั้นด้วย


แต่ก็ต้องเข้าใจแมวระดับนึงไหมถึงเอามาเล่าผ่านหนังได้

ไม่จำเป็นขนาดนั้น จริงๆ แมวเป็นสัตว์นักล่าที่ปัจจุบันก็ยังไม่เปลี่ยนนิสัย อย่างหมาไม่ค่อยแล้ว แต่แมวต่อให้เราเลี้ยงมันดียังไง มันก็จะออกไปล่าเหยื่อ


เรื่องความแตกแยกหรือเรื่องแมว อยู่ในใจคุณอยู่แล้วรึเปล่า พอมีโจทย์ให้ทำหนังเลยอยากเล่าเรื่องเหล่านี้ หรือว่าเป็นการคิดขึ้นมาใหม่

มันอยู่ในใจเรามาหลายปีแล้วไอ้ความรู้สึกเหล่านี้ มันเหมือนค่อยๆ มา เกิดขึ้นมาตั้งแต่ตอนเราเผชิญสถานการณ์กับตัวเองด้วย เรื่องมิตรภาพ เพื่อนฝูง หลายอย่าง มันก็เริ่มคิดและเริ่มรู้สึกว่าเราจะอยู่ในสังคมนี้ยังไง พูดง่ายๆ ว่าเมื่อเราแปลกแยก เราควรจะทำตัวยังไง เราควรจะแสดงตัวให้เขารู้ หรือจะทำตัวเนียนกลมกลืนไม่ให้เขารู้ มีหลายคนใช้วิธีนี้ เท่าที่เห็นมีทั้งแบบแสดงตัวและกลมกลืน เนียนมากเลย ไม่รู้เลย เพราะเขาไม่อยากมีเรื่อง และเรื่องของความปลอดภัย กับสถานะทางการงาน ซึ่งอาจจะอันตราย ก็เลยเลือกเรื่องนี้เพราะใกล้ตัวที่สุด และจริงๆ มันไม่ได้ไปถึงการเมืองมหภาค มันเป็นเรื่องไมโคร เรื่องใกล้ตัวของมนุษย์ที่เราน่าจะสัมผัสได้ เพียงแต่วิธีนำเสนอมันไม่เรียลลิสติก ชอบดูหนังเรียลลิสติกนะ แต่ทำเองไม่ค่อยเป็น เรารู้ว่าเราไม่ถนัด เราถนัดที่จะฟุ้งๆ หาภาพวิชวลที่มันสตันนิ่ง ที่มันดูหยุดคนดู จริงๆ เป็นคนชอบคิดฝันถึงภาพ ภาพที่เราอยากเห็น แล้วไอ้ตรงนั้นมันจะบังคับให้เราทำเป็นภาพขึ้นมา


ต้องใช้นักแสดงเป็นใคร

เป็นนักแสดงใหม่ เพราะส่วนใหญ่ทั้งเรื่องเราก็จะเห็นหน้าคนอยู่คนเดียว นอกนั้นเป็นแมวหมดเอาใครเล่นก็ได้




แต่ทุกแมวคือคนแสดงหมด

คนแสดง 


ทำหัวแมวหรือทำซีจี

ทำซีจี ใส่หัวบลูตอนแสดง ติดจุดเอา แต่ใช้การแสดงของเขา เสียงของเขา การเคลื่อนไหวตามเขา


ยากง่ายยังไงการทำแคทโทเปีย

สนุก แต่ว่ายาก ตรงงบฯ มันไม่เยอะ จริงๆ งบฯ ทำซีจีไม่ได้ แต่บังเอิญเราอยากจะทำและอยากจะทดลองพอดี เป็นโปรเจคท์ที่เราตั้งใจจะทดลองอยู่แล้ว เอาล่ะ เราออกเงินทดลองเองก็ได้ ซีจีเราออกตังค์เอง แต่ว่าก็ได้ทุนสนับสนุนจากกระทรวงวัฒนธรรมมาช่วยไม่ให้เราเสียตังค์มาก ความยากก็คือซีจีนี่แหละที่ใช้เวลาทำอยู่เกือบปี 


เหมือนตอนทำฟ้าทะลายโจรที่ต้องควักเนื้อตัวเองด้วย 

อ๋อ เกือบทุกเรื่อง (หัวเราะงบประมาณหนังไทยพูดตรงๆ มันเป็นงบที่เป็นไปไม่ได้ การทำหนังด้วยงบเท่านี้ถ้าเมืองนอกมารู้เข้าก็จะขำมากว่าทำได้ไง ฉะนั้นมันมี 2 ทาง คือ ทำให้มันอยู่ในงบเพื่อเอากำไรกับมัน ก็คือต้องยอมทำอะไรที่ไม่ดี แบบผ่านๆ เพื่อให้ได้ตังค์หรือไม่ขาดทุน กับสอง อยากทำให้มันดีด้วยงบเท่านี้ บางทีก็ต้องวางแผนดีๆ หรือไม่ก็เอาเงินตัวเองไปลง เพื่อให้ผลมันตามที่เราคิด ก็มีแค่สองวิธี แต่ของผมส่วนใหญ่จะเป็นวิธีหลัง


พอทำแคทโทเปียออกมาแล้วได้ดั่งใจไหม 

ได้ผลมากกว่าที่คิด จริงๆ เป็นงานอินดี้ ส่วนใหญ่ไปขอร้องไหว้วานเพื่อนหรือคนที่เคยช่วยงานเรามาตลอดให้มาช่วย งานนี้ไม่มีงบฯ จริงๆ ช่วยหน่อยนะ เขาก็ช่วยมา แต่งบฯ ที่ช่วยมาของเขาก็ใช้ได้อยู่ (หัวเราะ) แต่ต่อให้เขาทำราคาถูก แต่เขาทำเต็มที่ อันนี้ขอบอกชื่อเลยแล้วกัน ชื่อ Alternate Studio กับ RiFF Animation Studio ที่ทำการ์ตูนให้เมย์ไหนฯ อัลเตอเนทก็ทำซีจีให้ผมมาเกือบทุกเรื่อง ก็ขอบคุณมาก เขาเต็มที่ มันยาก แล้วผลมันก็น่าตื่นตะลึงพอสมควร 


ฉายโรงไหนบ้าง

ฉายจำกัดโรง เพราะมันเป็นหนังที่ถ้าภาษาคนทั่วไปก็คือ หนังทางเลือก ก็คือเลือกที่จะไม่ดู (หัวเราะ) เลือกที่จะดูทีหลัง อาจจะอยากดู แต่เดี๋ยวดู Aquaman ก่อนนะ กว่าจะไปดูมันก็ไม่เหลือรอบ ก็เป็นการยาก เพราะยังไงมันก็ต้องแข่งกับตลาด เพียงแต่ถ้าจะดูหนังพวกนี้ อยากแนะนำว่า อะควาแมนอยู่อีกนานไม่ต้องห่วง ดูอันนี้ก่อนเ พราะอันนี้จะไปอย่างรวดเร็ว ฉะนั้น รีบดูเรื่องนี้ก่อน ซึ่งถ้าใครอยากดูก็มีฉายที่เอสเอฟ เฮ้าส์อาร์ซีเอ และบางกอกสกรีนนิ่งรูม