เรียกได้ว่าเป็นหนุ่มฮอตอีกคน ด้วยหน้าตาบวกกับนิสัยที่น่ารักเป็นกันเอง ทำให้ "นาย-ณภัทร เสียงสมบุญ" ทำให้หลายคนตกหลุมรักเขาได้ไม่ยาก ครั้งนี้ HAMBURGER มีโอกาสได้เจอกับหนุ่มคนนี้อีกครั้ง เป็นการอัพเดตทั้งเรื่องราวชีวิต ศรัทธา ศาสนา การแบ่งปัน และมุมมองความรักที่เขาเล่าผ่านผลงานการแสดงล่าสุดใน ‘Friend Zone ระวัง...สิ้นสุดทางเพื่อน’ ภาพยนตร์รักต้อนรับเดือนแห่งความรักว่าด้วยสายพานของมิตรภาพที่เลื่อนไปเรื่อยๆ อาจสิ้นสุดคำว่าเพื่อน “ดีใจครับที่ได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง วันนี้ไม่ได้มาถ่ายคนเดียวมาถ่ายกับคู่หูของผม ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก”

(เราทวนคำอีกครั้งเป็นการเริ่มบทสนทนา) ‘ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก’ เป็นคู่หูของนายเหรอ
ใช่ เรามีโอกาสได้ร่วมงานกันในภาพยนตร์ของ GDH เรื่อง ‘Friend Zone ระวัง...สิ้นสุดทางเพื่อน’ บอกได้เลยว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับมิตรภาพที่น่ารักมาก ทุกคนจะได้เห็นสิ่งที่คล้ายคลึงกันในชีวิตประจำวันของตัวเอง ทุกคนมีเพื่อนสนิท แต่จะมีเส้นบางๆ ที่ไม่อยากข้ามเส้นเกินกว่าคำว่าเพื่อน เพราะกลัวว่าถ้าข้ามไปแล้วจะทำให้เสียเพื่อน
เป็นพระเอกของเรื่องเลยใช่ไหม
ใช่ เป็นเรื่องแรก และดีใจมากที่ได้กลับมาร่วมงานกับ GDH อีกครั้ง หลังจากเคยร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่อง พรจากฟ้า ซึ่งเรื่องนี้ก็มีความท้าทายครับ จากที่ได้อ่านบทเรารู้สึกว่าเป็นบทที่สนุกมาก เราอยากเป็น ‘ปาล์ม’ มาก และพอได้เป็นเราเริ่มด้วยการให้พี่หมู (ชยนพ บุญประกอบ) ผู้กำกับช่วยอธิบาย เอาบทกลับมาทำการบ้าน เจาะลึกไปถึงนิสัยตัวละครตั้งแต่เด็กจนโต ครอบครัวพ่อแม่ เหตุผลที่ทำไมเป็นคนแบบนี้ ซึ่งมันมีหลายอย่างที่ต่างจากผม
ความแตกต่างนั้นคืออะไร
เรียกว่าอะไรดีล่ะ เป็นคนที่ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี เข้ากับใครก็ได้ คุยได้ทุกเรื่อง แต่เรื่องท้าทายที่สุดน่าจะเป็นประสบการณ์เกี่ยวกับผู้หญิง วิธีคิดที่เขาเป็นคนไม่ซีเรียสกับเรื่องอะไร ทุกอย่างง่ายๆ Go with the Flow แต่ชีวิตจริงผมคิดทุกอย่างแบบเป็นขั้นเป็นตอน ไม่ใช่คนคิดมาก แต่มีขั้นตอน อย่างเช่นเราจะคิดก่อนพูดเสมอว่าพูดแล้วกระทบใครไหม ผลออกมาจะเป็นยังไง แต่ตัวละครนี้มีวิธีคิดที่แตกต่าง
เรียกได้ว่าเป็นบทที่กระโชกโฮกฮากกว่าชีวิตจริงไปมากใช่ไหม
ใช่ๆ ในเรื่องเป็นคนเจ้าเสน่ห์ ปาล์มเป็นคนสร้างเสียงหัวเราะและรอยยิ้มให้ใครที่อยู่ใกล้ๆ และดึงดูดเพศตรงข้ามได้ตลอดเวลา เป็นคนกวนตีน และชิลล์ๆ มาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้คนรอบข้างอยากอยู่ใกล้ไอ้นี่
ชีวิตจริงของนายก็เจ้าเสน่ห์ไม่ใช่เหรอ
ชีวิตจริงผมเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด นิ่งๆ แต่ก็ไม่ถึงขั้นดุ ซึ่งตัดส่วนนี้ออกไปเลยในภาพยนตร์ ตอนนี้เริ่มติดคาแร็กเตอร์จากเรื่องมาใช้ในชีวิตจริงแล้ว (ยิ้ม)

ความสัมพันธ์ใน Friend Zone เป็นอย่างไรบ้าง
ก็ชื่อเรื่องเฟรนด์โซน เพราะฉะนั้นทุกอย่างมันเริ่มมาจากการเป็นเพื่อนก่อน สมหวังหรือไม่สมหวังไม่บอก ต้องรอดูครับ (หัวเราะ)
ผมเชื่อว่ามันเป็นอารมณ์ที่ทุกคนต้องเคยสัมผัสแน่นอน การที่เรามีเพื่อนสนิทแล้วรู้สึกว่าเราชอบคนนี้มากเลย รู้นิสัยและอยู่กับเขามานาน ผ่านหลายช่วงเวลาทั้งทุกข์ทรมาน ช่วงเลิกกับแฟน เราเคยปลอบใจ เราเคยทะเลาะ เคยด่ากัน สุดท้ายเป็นความรู้สึกดี เราอยากอยู่ข้างตลอด แต่ว่าพอมันถึงจุดนึง เรารู้สึกว่าเราคิดมากกว่านั้น แต่ทั้งคู่ก็รู้สึกว่าไม่สามารถพูดหรือปฏิบัติอะไรต่อกันได้ เหมือนมีขอบที่ต้องคอยระวังไว้ มันมีเส้นแดงผ่ากลางอยู่ตลอดเวลา ถ้าเราเลยเส้นนี้เรากลับไปเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ซึ่งในชีวิตจริงเท่าที่ผมสัมภาษณ์มามันเป็นอย่างนั้น
สัมภาษณ์เหรอ
ใช่ คือเราอยากฟังประสบการณ์ของทุกคนให้มากที่สุด ว่ารีแอ็กชั่นของแต่ละคนเป็นยังไง ถ้าสมมติเกิดเหตุการณ์อย่างนี้หรือคิดอย่างนี้ คุณคิดว่ายังไง ผมไปถามเพื่อน ถามผู้ใหญ่ บางคนก็เล่าเหตุการณ์จริงในชีวิตให้ฟังเลย เรื่องความรักก็ไปศึกษามาให้หมด
ไม่มีความรักของตัวเองบ้างเหรอ
มี แต่ว่าประสบการณ์เรื่องนี้น้อย ในชีวิตจริงของผมหน้าที่มาก่อนเสมอ เป็นคนตั้งใจทำงาน และทุกอย่างที่ทำ เราไม่ได้โฟกัสว่าต้องมีๆๆ เราปล่อยให้เป็นธรรมชาติทุกอย่าง แต่วันนี้เราเป็นคนบ้างาน คิดแต่เรื่องงาน
เกี่ยวไหมว่าแม่หวงลูกชายคนนี้มาก
ไม่หวงๆ เราก็เป็นเหมือนแม่-ลูกทั่วไป และเขาเลี้ยงผมมาคนเดียวด้วย เรามีกันอยู่ 2 คน เขาไม่ได้หวงแบบต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่เคยมีการบังคับ เขาให้อิสระทางความคิดและการตัดสินใจของผม แม่บอกเสมอว่าความรักเป็นสิ่งที่ดี และเราก็ไม่ต้องพยายามค้นหาอะไรมากมาย ถึงเวลาจะมีเดี๋ยวมันก็มีเอง เพราะฉะนั้นปล่อยทุกอย่างให้เป็นตามธรรมชาติ
ถ้าชอบใครสักคนต้องผ่านแม่ก่อนไหม
ไม่ ต้องผ่านผมก่อน (ยิ้ม)
คุยกันเรื่องความรักบ้างไหม
คุยกันเป็นเรื่องปกติ ตามประสาแม่ลูก แต่เขาก็ไว้ใจเรา เขาก็เป็นคนพูดเองว่าคนที่จะมาอยู่กับเราไม่สามารถบังคับกันได้หรอก เพราะว่าวันนึงคุณแม่ก็ไม่ได้อยู่กับเรา เรื่องเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเราบังคับฝืนใจใครมันไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ดี และมันทำร้ายสภาพจิตใจของเราทั้งคู่
มีคนที่คลิกบ้างไหม
ยังเลย ทุกวันนี้เราตั้งใจทำงานของเรา ผมเองเป็นเด็กกิจกรรมอยู่แล้ว ชอบทำงาน ส่วนเวลาพักที่มีสัปดาห์ละวัน ก็จะออกไปเตะฟุตบอล ตีกอล์ฟ ปั่นจักรยาน ถ่ายรูป เพราะฉะนั้นวันนี้ผมยังรู้สึกว่ามีอะไรให้ทำอีกเยอะ และยังสร้างแคมเปญและโปรเจ็กต์ดีๆ ให้คนอื่นได้อีกด้วย

กิจกรรมหนึ่งที่นายให้ความสำคัญมากคือ CSR ทำไมถึงให้ความสนใจเป็นพิเศษ
ผมเน้นเรื่องการศึกษาเป็นหลัก เพราะมันมาจากการที่ผมเป็นเด็กตั้งใจเรียน ชอบไปโรงเรียน ไปเล่นกับเพื่อน เล่นกีฬา เจอครู ชอบบรรยากาศในโรงเรียน ตัวผมเรียนโรงเรียนนานาชาติ และชอบเล่นกอล์ฟ ในขณะที่แม่ทำงานคนเดียว วันนึงแม่ไม่มีเงินค่าเทอม ผมต้องช่วยแม่ประหยัดทุกทาง ผมกับแม่เดินจูงมือกันไปลาออก แต่โรงเรียนไม่ให้ลาออก ด้วยความที่ผมเป็นนักกีฬาทางโรงเรียนเลยสนับสนุนเรื่องนี้แทน
และเราเลือกที่จะสอบเทียบวุฒิตอน ม.4 เลย เพื่อช่วยเซฟค่าใช้จ่ายให้แม่ พอวันนึงที่เราโต มีงานทำ ทุกวันนี้เรามองย้อนกลับไปเรารู้สึกว่าเรื่องการศึกษาสำคัญมาก ไม่ใช่เพื่อความรู้อย่างเดียว แต่การได้เจอเพื่อน เล่นกีฬา ทะเลาะกับเพื่อน เจอครูด่า มันคือประสบการณ์ ทักษะและช่วยสร้างภูมิคุ้มกันชีวิตให้คนเติบโตขึ้นมาได้ ทุกวันนี้ผมได้รับโอกาสดีๆ ผมเลยอยากให้กลับบ้าง เลยทำ CSR โดยใช้งานกราฟิกดีไซน์ที่ผมเรียนมา สัญญากับตัวเองว่าแต่ละปีเราจะพยายามทำ CSR โดยใช้งานดีไซน์ของเราปีละครั้ง
ผลงานทีสิสของนายเป็นที่พูดถึงมาก ทำเกี่ยวกับศาสนาด้วยใช่ไหม
ทีสิสของผมชื่อว่า ‘แกว่งแกร่ง อยู่ที่จะเลือกมอง’ เป็นเรื่องเกี่ยวกับกฎไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ซึ่งหลายคนไม่รู้จักเรื่องนี้ เรารู้จักศีล 5 ซึ่งผมเองก็ยึดศีล 5 กับกฎไตรลักษณ์เป็นเหมือนแผนที่ชีวิตมาตั้งแต่เด็ก เป็นสิ่งที่แม่คอยสอนและปลูกฝังมา แต่ตอนแรกผมไม่เชื่อนะ เป็นเด็กดื้อ
แบบดื้อเงียบเหรอ
ไม่ ผมดื้อให้รู้เลย แต่เราเป็นคนเปิดอกรับฟังสิ่งใหม่ๆ พอเราใช้ชีวิต เริ่มโต เริ่มมีปัญหาและอุปสรรคเข้ามา ทำให้เราเห็นว่าเป็นอย่างที่เขาสอนทั้งหมดเลย มันสะสมเรื่อยๆ จนเราเข้าใจ และยอมรับว่ามันเป็นดังตามหลักพระพุทธศาสนาจริงๆ ผมเลยอยากส่งต่อให้คนอื่นในรูปแบบที่คนรุ่นใหม่จะสนใจ
ทุกวันนี้เลิกดื้อและเปิดใจแล้วเหรอ เป็นผู้ชายต้องบวชไหม
ผมเป็นคนเปิดใจรับทุกสิ่ง แล้วมาวิเคราะห์ว่าสิ่งไหนเราอยากทำ ไม่อยากทำ แต่ไม่มีใครบังคับผม เป็นความตั้งใจที่ผมอยากศึกษาสักครั้ง ผมยึดศีล 5 และไตรลักษณ์มาตลอด มันโชว์ให้เห็นว่าถ้าเราไม่ละเมิดสิ่งเหล่านี้ เราก็จะไม่เคยเจอปัญหา ความทุกข์ในชีวิตมันน้อยลง มีความสุขมากขึ้น
ผมจะบวชนะ ตั้งใจว่าจะบวชตอน 25 เรารู้สึกว่าส่วนหนึ่งของหน้าที่ความเป็นลูกผู้ชายที่จะต้องทำสักอย่าง เพื่อเป็นอีกประสบการณ์ชีวิต เหมือนเรียน รด.แหละ พูดง่ายๆ ว่าเกิดเป็นลูกผู้ชายมันต้องลองบวชดูสักครั้ง แต่จุดประสงค์ของเราจริงๆ คือเพื่อเรียนรู้คำสอนของพระพุทธเจ้า
รู้สึกอย่างไรที่คนชอบพูดว่าคนเข้าหาธรรมะคือคนมีความทุกข์
ก็ความจริงนะ แต่ไม่ได้คิดอะไร แต่ละคนมีประสบการณ์ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นถ้าไม่เจออะไรที่มืดแปดด้าน หรือเจอปัญหาที่เครียดมากจนคิดไม่ออกแล้วจริงๆ ทางออกสุดท้ายก็คือธรรมะ ซึ่งก็ช่วยได้จริงๆ ผมเห็นมาหลายคนแล้ว คุณแม่ก็เช่นกัน ส่วนผมถือว่าโชคดีที่คุณแม่ซึ่งอาบน้ำร้อนมาก่อนเขาปูทางให้เรามา
กลับมาพูดถึงงานอีกครั้ง อะไรทำให้เลือกงานบันเทิง
ตอนแรกไม่คิด เพราะขี้อาย ตอนเด็กเรารักงานออกแบบ แต่วันนึงมันมีคำว่าโอกาสเข้ามาเป็นงานโฆษณาชิ้นนึง หลังจากที่ปฏิเสธโอกาสมาหลายอย่างแล้ว เราเลยรู้สึกว่าลองดู ปรากฏว่าได้ สิ่งแรกที่คิดคือ “โห ตายแล้ว ไม่ได้เรียนมา ทำอะไรไม่เป็นเลย” เราเครียดกังวลมาก จนวันที่ผลออกมามันตลกมาก นี่คือสิ่งที่เราแสดงเหรอ เรารู้สึกว่าเราทำได้ดีกว่านี้ได้อีก เลยทำให้เราอยากรับงานชิ้นต่อไปเพื่อปรับปรุงข้อผิดพลาด สุดท้ายงานมันก็มีเรื่อยมา โอกาสคือแรงผลักดันของเรา
ความกดดันในงานบันเทิง มีส่วนไหมว่าเป็นเพราะมีคุณแม่เป็นดารา
ไม่เคยกดดันว่าแม่เป็นดารา และไม่ชอบให้ใครเรียกว่าเป็นลูกดาราตั้งแต่เด็กแล้ว ผมเห็นว่ามันเป็นอาชีพนักแสดงที่ต้องทุ่มเทมาก ผมเห็นการทำงานของแม่ตลอดตั้งแต่เด็กที่ตามไปกองถ่าย เราต้องเห็นว่าต้องตื่นเช้ามาก ระเบียบวินัยในการกิน ต้องอ่านบท ต้องเจอผู้คน พอเราโตจนมาทำงานตรงนี้ เรามองไปที่หน้าที่มหาศาล ความมีวินัย และเราไม่ได้ทำงานคนเดียว คนอาจจะเห็นผมคนเดียวในจอทีวี แต่ความจริงมีเบื้องหลังที่เตรียมงานมาเป็นเดือนเพื่อให้งานออกมาดี มันคือการทำงานเป็นทีม
เห็นมาตั้งแต่เด็กว่าการทำงานในวงการบันเทิงต้องแลกกับอะไรหลายอย่าง และชีวิตส่วนตัวด้วย นายพร้อมกับการแลกความเป็นส่วนตัวนั้นไหม
ไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย ผมไม่คิดเรื่องเงิน เรื่องชื่อเสียงเป็นปัจจัย ผมทำเพราะเราชอบและแฮปปี้ ช่วงหลังๆ มานี้สิ่งที่ทำให้ผมอยากทำงานต่อไปให้มันดีขึ้นเรื่อยๆ คือกำลังใจ เวลาเราทำงานออกไปแล้วมีคนรอติดตาม เรารู้สึกว่ามันมีแรงในการทำ ผมโชคดีที่คนคอยเชียร์และสนับสนุน ส่งกำลังใจให้ตลอด คุณแม่สอนให้ผมเป็นคนคิดวิเคราะห์มาตั้งแต่เด็ก เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมทำ ผมก็จะคิดๆๆๆ จนดูเหมือนคิดมากไป แต่ผมไม่ได้เครียด ผมแค่ตั้งใจ เพราะโอกาสไม่ได้มีเข้ามาง่ายๆ อย่างงานหนังเรื่องนี้ ผมบอกกับตัวเองทุกวันที่ไปถ่ายให้เหมือนว่ามันเป็นหนังเรื่องสุดท้ายที่ผมจะได้เล่น ช่วงหลังๆ ผมคิดอย่างนี้มาตลอด เพราะมันคือเรื่องของคำว่า ‘โอกาส’ บางคนเก่งแทบตาย มีฝีมือแต่ไม่มีโอกาส ก็ไม่สามารถทำทุกอย่างให้พัฒนาได้

เคยคิดไหมว่าถ้าวันหนึ่งไม่ได้ทำงานในวงการบันเทิง หรือมีใครมาแทนที่ นายจะเป็นอย่างไร
แพลนไว้ครับ มันเป็นอนิจจัง ทุกสิ่งมีการเปลี่ยนแปลง เหรียญมี 2 ด้าน มีตัวอย่างก็คือแม่ ทุกคนเข้าใจกฎของชีวิตว่าไม่มีอะไรที่อยู่ค้ำฟ้า วันนี้เรามีโอกาสเราก็ควรทำทุกอย่างให้เต็มที่ ที่สำคัญผมไม่เคยทิ้งการเรียน และไม่ทิ้งสิ่งที่เรียนมา อย่างน้อยๆ ต้องมีผลงานดีไซน์ของผมให้ได้ปีละครั้ง ผมไม่อยากทิ้งมันไป เพราะมันสามารถหาเลี้ยงเราได้ตลอดชีวิต
ปลายปีที่ผ่านมามีการทำปฏิทินโชว์ซิกซ์แพ็กของนายด้วย ไอเดียนี้มาจากอะไร
มันมาจากคำว่ากำลังใจที่อยากส่งต่อ แต่เราไม่สามารถไปพูดต่อหน้าคนอื่นได้ในวินาทีที่ต้องการ เลยพยายามคิดว่ามันมีอะไรที่สามารถใช้ได้ทุกวัน และเวลาอยู่ในที่ทำงานที่ต้องเจอปัญหา ก็คือปฏิทินนั่นเอง มันคือกำลังใจของผมไง (ยิ้ม) และเรานำสิ่งเราเรียนมาต่อยอดในการออกแบบด้วย รายได้จากการจำหน่ายปฏิทินทั้งหมดก็ร่วมบริจาคให้ทุนการศึกษาน้องๆ ใน 6 โรงเรียนที่ขาดแคลน เราอยากทำก็เลยทำ ไม่ได้คิดอะไรมาก
ถึงขั้นต้องเปิดแผงอกของตัวเองขนาดนั้นเลยเหรอ
คอนเทนต์ที่ผมต้องการสื่อ ผมเขียนคำว่า ‘Good Things Take Time’ สิ่งที่ดีต้องใช้เวลา มันก็มาจากการที่เมื่อก่อนผมเป็นเด็กอ้วนเลยล่ะ ตอนนี้หุ่นก็ยังไม่ดีนะ (ยิ้ม) แต่การที่มาเล่นหนังเรื่องนี้เราต้องปรับเปลี่ยนร่างกายให้เข้ากับบท เลยไปฟิตหุ่นมา เข้ายิมอยู่เป็นปี ปรับเรื่องอาหารการกิน ตารางชีวิตเราเปลี่ยนไป จนกลายเป็นชีวิตประจำวัน (เพื่อหนังเรื่องเดียวเลยเนี่ยนะ?) ใช่ และผมก็แฮปปี้ที่ทำนะ เพราะฉะนั้นนี่คือผลลัพธ์ที่ทุกคนจะเข้าใจง่ายๆ ว่าการที่อยากมีสุขภาพดีแข็งแรงต้องใช้เวลา
ไม่ใช่ทำเพื่อทำให้ขายได้ดี เลยตัดสินใจโชว์อย่างนั้นหรอกเหรอ
ไม่ใช่ๆ...ให้แฟนคลับชื่นใจบ้าง (หัวเราะ)
ยังหาซื้อได้ไหม
ตอนนี้เปิดช่องทางออนไลน์ครับ ทางไลน์ @naphat_thailand ก็เป็นผมกับคุณแม่ช่วยกันตอบเอง แพ็กของส่งเอง QC กันเอง
ทุ่มเทใจและกายให้ Friend Zone ขนาดนี้ HAMBURGER เปิดพื้นที่พิเศษให้ฝากงาน
ก็ขอฝากเฟรนด์โซนไว้ด้วยนะครับ หนังรักและคอเมดี้ที่เรียกทั้งรอยยิ้ม น้ำตา และเสียงหัวเราะ หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ทำให้ผมรู้สึกว่าอยากไปทำงานแสดงทุกวัน พอหนังถ่ายจบแล้วรู้สึกเหมือนคนอกหักเลย อกหักที่จะไม่ได้ไปกองถ่าย เพราะตอนถ่ายบรรยากาศมันสนุกมาก